×

ภาระหนี้สิน SMEs เพิ่มต่อเนื่องใน 1Q68 พบปมสภาพคล่องยังไม่คลาย พึ่งนอกระบบเพิ่ม แรงผ่อนหนี้เริ่มหมด ดัน NPL พุ่ง

05.06.2025
  • LOADING...
sme-debt-crisis-thailand

HIGHLIGHTS

  • ภาระหนี้สินธุรกิจ SMEs เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยสัดส่วน SMEs ที่รายงานว่า มีหนี้สินธุรกิจเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 65.3% ในไตรมาสแรกของปีนี้
  • โดย SMEs ส่วนใหญ่ (28.40%) รายงานว่า มีภาระหนี้สินเกิน 1 ล้านบาท 
  • ข้อมูลธปท.เผย สัดส่วน SMEs ที่ผิดนัดชำระมากกว่า 90 วันขึ้นไป เพิ่มขึ้นแตะ 7.35% ของสินเชื่อ SMEs  นับเป็นระดับ ‘สูงกว่า’ ตอนเกิดการระบาดของโควิดเสียอีก
  • ผลสำรวจพบ SMEs กำลังพึ่งพาแหล่งเงินกู้ ‘นอก’ ระบบสถาบันการเงินมากขึ้น ขณะที่เกือบ 1 ใน 5 พบกำลังพบปัญหากำลังซื้อผู้บริโภคอ่อนแรง
  • ด้าน สสว. ชี้ปัญหาการเข้าถึงสินเชื่อของ SMEs ไม่ได้จำกัดแค่การไม่ผ่านเกณฑ์เงื่อนไข แต่ยังมาจากการประเมินความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนอีกด้วย 
  • พร้อมส่อง 7 ธุรกิจ SMEs ที่มีแนวโน้มขาดศักยภาพการแข่งขันในตลาดมากที่สุด

ธุรกิจ SMEs ไทยกำลังเผชิญกับภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้น ปัญหาสภาพคล่องยังไม่คลี่คลาย พบหลายกรณียังกู้หน้า-โปะหลัง ผลสำรวจชี้ SMEs พึ่งพาแหล่งเงินกู้นอกระบบมากขึ้น ขณะที่เกือบ 1 ใน 5 พบกำลังพบปัญหากำลังซื้อผู้บริโภคอ่อนแรง จับตาสัดส่วนหนี้เสียของ SMEs พุ่ง สะท้อนคนเริ่มหมดแรงจ่ายหนี้แล้ว

 

สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ภาระหนี้สินธุรกิจ SMEs เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในไตรมาสแรกของปี 2568  มี SMEs รายงานว่า มีหนี้สินธุรกิจถึง 65.3% เพิ่มขึ้นจาก 65% ในไตรมาสก่อนหน้า โดยอยู่ในเทรนด์ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ดังนี้

  • 4Q65: 44.7%
  • 1Q66: 53.4%
  • 2Q66: 59.7%
  • 3Q66: 60.3%
  • 4Q66: 60.1%
  • 1Q67: 63.9%
  • 2Q67: 64.3%
  • 3Q67: 65.3%
  • 4Q67: 65%
  • 1Q68: 65.3%

 

ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าว มาจากผลสำรวจผู้ประกอบการ SMEs จำนวน 2,780 ราย จาก 6 ภูมิภาค ระหว่างวันที่ 19-30 มีนาคม 2568

 

หนี้ sme ไทย

 

ผลสำรวจยังพบว่า ในไตรมาสแรกของปีนี้ SMEs ที่รายงานว่า มีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น คิดเป็น 29.8% ของผู้ตอบแบบสอบถาม เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 23.9% ส่วน SMEs ที่ตอบว่า มีภาระหนี้สินเท่าเดิม มีสัดส่วนอยู่ที่ 46.8% ลดลงจากระดับ 55.4% ในไตรมาสก่อนหน้า โดย SMEs ที่ตอบว่า มีภาระหนี้สินลดลง กลับมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 23.4% จากระดับ 20.7% ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2568

 

นอกจากนี้ การสำรวจ SMEs ส่วนใหญ่ (28.40%) มีภาระหนี้สินเกิน 1,000,000 บาท รองลงมา 25.50% มีภาระหนี้สิน 50,000-100,000 บาท อีก 22.20% มีภาระหนี้สิน 500,001-1,000,000 บาท ขณะที่ 21.80% มีภาระหนี้สิน 100,00-500,000 บาท ส่วนอีก 2.10% มีภาระหนี้สินน้อยกว่า 50,000 บาท

 

SMEs ไทยหมดแรงจ่ายหนี้? ยอดผิดนัดชำระหนี้เกิน 3 เดือน ‘พุ่ง’

 

ตามข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แสดงให้เห็นว่า ยอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพ (non-performing loan: NPL) ที่ผิดนัดชำระมากกว่า 90 วันขึ้นไป ของสินเชื่อธุรกิจวงเงินน้อยกว่าหรือเท่ากับ 500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นแตะระดับ 7.35% นับเป็นระดับ ‘สูงกว่า’ ตอนเกิดการระบาดของโควิดเสียอีก

 

sme หมดแรง

 

ขณะที่ กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย (KResearch) เปิดเผยกับ THE STANDARD WEALTH โดยระบุว่า ตามการคำนวณของ KResearch พบว่า สัดส่วนหนี้เสีย (NPL) ของสินเชื่อ SMEs ตามคำนิยามของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในระบบธนาคารพาณิชย์รวมเครือ 28 แห่ง ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 อยู่ที่ 7.38% ในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ 

 

สำหรับแนวโน้มระยะข้างหน้า สัดส่วนหนี้เสีย (NPL) ของสินเชื่อ SMEs ในปีนี้อาจจะขยับ 7.55% อย่างไรก็ตาม สัดส่วนดังกล่าวนับว่า ยังต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของซีรีส์ข้อมูลดังกล่าวที่ 7.66% เมื่อไตรมาสที่ 4 ของปี 2563 (ช่วงโควิด) และเมื่อไตรมาสที่ 3 ปี 2567 

 

ทั้งนี้ ตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 ธปท.ได้บังคับใช้มาตรการการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ที่กำหนดให้สถาบันการเงินต้องปรับโครงสร้างหนี้ ก่อนที่ลูกหนี้ก่อนจะเป็น NPL อย่างน้อย 1 ครั้ง และหลังเป็น NPL อย่างน้อย 1 ครั้ง  

 

นอกจากนี้ กาญจนา กล่าวอีกว่า ตามการคำนวณของ KResearch พบว่า อัตราการขยายตัวของสินเชื่อให้แก่ SMEs ตามคำนิยามของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในระบบธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศ 17 แห่ง หดตัว -2.5% ในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ นับเป็นการติดลบ 10 ไตรมาสติดต่อกัน 

 

โดยสาเหตุของการหดตัวของสินเชื่อ SMEs ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงมาจากการชำระคืนหนี้ หลังจากในช่วงโควิด ที่มีการให้การช่วยเหลือ SMEs ผ่านมาตรการต่างๆ เช่น การให้สินเชื่อซอฟต์โลน และมาตรการพักหนี้ ทำให้สินเชื่อ SMEs ในช่วงโควิดโต อย่างไรก็ตามเมื่อผ่านพ้นช่วงโควิดไปแล้ว SMEs จึงเข้าสู่ภาวะจ่ายคืนแทน หรือเมื่อ SMEs จ่ายคืนหนี้ไปเรื่อยๆ สินเชื่อถึงหดตัวต่อเนื่อง ขณะที่สินเชื่อปล่อยใหม่อาจจะไม่ได้มากและเร็วเท่ากับการชำระคืน ท่ามกลางภาวะที่เศรษฐกิจมีความเสี่ยงสูง 

 

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประมาณการว่า  อัตราการขยายตัวของสินเชื่อทั้งระบบแบงก์ไทยจะขยายตัว 0.6% อย่างไรก็ตาม กาญจนากล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวมีความเสี่ยงด้านต่ำมากขึ้น และศูนย์วิจัยกสิกรไทยกำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิด รวมทั้งอาจมีการปรับประมาณการใหม่เร็วๆ นี้

 

SMEs กู้นอกระบบมากขึ้น แหล่งเงินกู้ใหญ่มาจากเพื่อนญาติพี่น้อง

 

การสำรวจยังพบว่า ในไตรมาสแรกของปี 2568 มี SMEs รายงานว่าพึ่งพาแหล่งเงินกู้ ‘นอก’ ระบบสถาบันการเงินอยู่ที่ 47.4% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 45.3% ขณะที่ การพึ่งพาแหล่งเงินกู้ในระบบสถาบันการเงินอยู่ที่ 52.6% ใน 1Q68

 

โดยประเภทแหล่งเงินกู้ของธุรกิจ SMEs แหล่งใหญ่สุดคือ เพื่อนหรือญาติพี่น้อง 38.9% รองลงมาได้แก่ ธนาคารของรัฐ 23.6% ธนาคารพาณิชย์ 9.2% นายทุนเงินกู้ 7.9% บัตรเครดิตหรือบัตรเงินสด 6.7% ไฟแนนซ์หรือลีสซิ่ง 5.3% และธนาคารเฉพาะกิจ 4.2% ตามลำดับ

 

สำหรับวัตถุประสงค์ในการกู้ยืมเงินของ SMEs พบว่า มีการกู้เพื่อชำระหนี้เดิมลดลงอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนถึงการเปลี่ยนวัตถุประสงค์ จากการจัดการหนี้ ไปสู่การลงทุน และหมุนเวียนในกิจการมากขึ้น

 

แหล่งเงินกู้ sme

 

เปิดปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อปัญหาด้านการเงินและหนี้สิน SMEs

 

จากการสำรวจของ สสว. ยังพบว่า ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อปัญหาด้านการเงินและหนี้สิน SMEs อันดับแรกๆ คือ กำลังซื้อที่ลดลง และต้นทุนที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ SMEs ยังเผชิญปัญหาจากดอกเบี้ยสูง แม้ว่าดอกเบี้ยในระบบจะมีแนวโน้มลดลง แต่ปัญหายังคงอยู่จากหนี้ นอกระบบที่ต้องแบกรับ โดยปัจจัยปัญหาอื่นๆ มีดังนี้

 

  • กำลังซื้อ/คำสั่งซื้อต่ำ 19.9%
  • ต้นทุนการดำเนินธุรกิจสูง 17.3%
  • สภาพคล่องลดลง 15.7%
  • อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 15.0%
  • สินค้าขายไม่ออก 13.2%
  • พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป 8.6%
  • คู่แข่งในธุรกิจมีจำนวนมาก 7.2%
  • ภาระด้านการจ้างแรงงาน 3.1%

 

sme ไทย มีปัญหาการเงิน

 

เปิด 6 อุปสรรคสำคัญต่อการเข้าถึงแหล่งสินเชื่อในระบบของ SMEs

 

สสว. ยังเปิดเผยถึงอุปสรรคสำคัญต่อการเข้าถึงแหล่งสินเชื่อในระบบของ SMEs โดยชี้ว่า ปัญหาการเข้าถึงสินเชื่อของ SMEs ไม่ได้จำกัดแค่การไม่ผ่านเกณฑ์เงื่อนไข แต่ยังมาจากการประเมินความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนอีกด้วย สำหรับน้ำหนักอุปสรรค 6 อันดับ มีดังนี้

  1. เกณฑ์การปล่อยสินเชื่อเข้มงวดเกินไป 12.1%
  2. ขาดหลักทรัพย์ในการเข้ายื่นกู้สินเชื่อ 9.3%
  3. ความเสี่ยงของธุรกิจในสายตาสถาบันการเงิน 9.1%
  4. ภาระหนี้สินเดิมและการรีไฟแนนซ์ 8.8%
  5. ขั้นตอนการกู้ยุ่งยาก และอนุมัติล่าช้า 8.5%
  6. ขาดความรู้ในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เหมาะสม 7.0%

 

อุปสรรค sme

 

สสว. ยังพบว่า SMEs ส่วนใหญ่มีภาระหนี้สะสมจากอดีต ขณะที่กลุ่ม SMEs ที่เริ่มก่อหนี้ในช่วงไม่เกิน 3 ปีมักเป็นรายย่อย-ขนาดย่อมในภาคการผลิตและบริการที่เผชิญต้นทุนสูงและการแข่งขันรุนแรง ส่งผลให้ต้องกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องหรือปรับตัว

 

โดยปัจจัยหนุนที่ทำให้ก่อหนี้ขึ้นในแต่ละประเภทของ MSMEs อาทิ เช่น 

 

  • ร้านอาหาร: ใช้เงินกู้หมุนเวียนธรุกิจจากความต้องการซื้อที่ลดลง และต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น
  • ผลิตภัณฑ์จากพลาสติก และผลิตภัณฑ์จากยาง: ได้รับผลกระทบจากสินค้านำเข้าและมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม 
  • กิจกรรมอสังหาริมทรัพย์ (กลุ่มหอพัก): หอพักโดยเฉพาะในพื้นที่ใกล้สถานศึกษาต้องปรับตัวตามพฤติกรรมของผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับดีไซน์ห้อง ความปลอดภัย และสินอำนวยความสะดวกมากขึ้น ส่งผลให้มีการรีโนเวท หรือลงทุนปรับปรุงหอพักเพิ่มขึ้น
  • ผลิตเฟอร์นิเจอร์: แข่งขันหนักจากสินค้านำเข้าราคาถูก พฤติกรรมผู้บริโภคที่หันไปซื้อออนไลน์แทน
  • ผลิตอัญมณีและเครื่องประดับ: การแข่งขันกับสินค้าจีนราคาต่ำที่ทะลักเข้าสู่ตลาดจำนวนมาก 

 

สสว. เปิด 7 ธุรกิจ SMEs ที่มีแนวโน้มขาดศักยภาพการแข่งขันในตลาดมากที่สุด

 

โดยการพิจารณาจากค่าเฉลี่ยดัชนีความเชื่อมั่นไตรมาส 1 ปี 2568 และธุรกิจที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งกู้ยืมเงินในระบบสถาบันการเงินในไตรมาส 1 ปี 2568 พบว่า 7 ธุรกิจ SMEs ที่มีแนวโน้มขาดศักยภาพการแข่งขันในตลาดมากที่สุด ได้แก่

 

  1. ผลิตไม้และเฟอร์นิเจอร์
  2. บริการซ่อมบำรุง
  3. บริการสันทนาการ/วัฒนธรรม/กีฬา (กลุ่มร้านคาราโอเกะ,ร้านเช่าหนังสือ,ร้านบอร์ดเกม)
  4. ธุรกิจการเกษตร
  5. ค้าปลีกรถจักรยานยนต์/รถยนต์ (ร้านซ่อมบำรุงยานยนต์)
  6. บริการเสริมความงาม/สปา/นวดเพื่อสุขภาพ
  7. ผลิตเสื้อผ้าและสิ่งทอ

 

 

SMEs อยากได้ความช่วยเหลืออะไร?

 

ผลสำรวจยังพบว่า ความช่วยเหลือที่ SMEs ต้องการมากที่สุด คือมาตรการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุน (31.2%) มาตรการลดภาระหนี้สินและเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการหนี้สิน (26.1%) 

 

นอกจากนี้ “SMEs ต้องการการสนับสนุนที่ครอบคลุมทั้งการเข้าถึงข้อมูลที่ดีขึ้น การลดขั้นตอนการขอสินเชื่อ การปรับโครงสร้างหนี้ และการสนับสนุนทางการเงินที่ตอบโจทย์สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยากลำบากในปัจจุบัน” สสว. ระบุ

 

หนี้ SMEs เป็นโจทย์แก้ยาก เหตุ SMEs เจอความท้าทาย-มรสุมซ้ำซาก

 

กาญจนา กล่าวทิ้งท้ายว่า หนี้ SMEs นับเป็นโจทย์แก้ยาก เนื่องจาก SMEs หลายแห่งน่าจะผ่านการปรับโครงสร้างมาแล้วหลังครั้ง เห็นได้จากความพยายามในการออกมาตรการเพื่อแก้ปัญหาหนี้ SMEs หลายต่อหลายรอบแล้ว แต่ประเด็นด้านคุณภาพหนี้พอแก้ไปแล้ว NPL ก็ย้อนกลับมาใหม่อีก เนื่องจาก SMEs ยังเจอความท้าทายต่อเนื่องและเจอมรสุมซ้ำซาก ตัวอย่างเช่น โควิด เศรษฐกิจชะลอตัว และสงครามการค้า

 

โดยปัจจุบัน SMEs กำลังเจอความเสี่ยงหลายด้าน คุณภาพหนี้เป็นแค่หนึ่งในความเสี่ยงที่ SMEs กำลังเจอเท่านั้น สำหรับความท้าทายอื่นๆ เช่น ความสามารถในการแข่งขัน ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น การเข้าถึงแหล่งเงิน เป็นต้น

 

กาญจนาจึงแนะว่า ในการแก้ไขปัญหา ผู้มีส่วนร่วมควรดำเนินมาตรการหลายๆ ด้านไปพร้อมๆ กัน ตัวอย่างเช่น ปรับโครงสร้างหนี้ เพิ่มสามารถในการแข่งขัน การเพิ่มการฝึกอบรมหรือเทรนนิ่ง การทำ Business Matching การทำตลาด และการเพิ่มแหล่งเงินทุน (Funding) เป็นต้น

 

ภาพประกอบ: พิชามญชุ์ วรรณสาร

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising