กระแสอาร์ตทอยที่ระเบิดเป็นพลุแตกในช่วง 2-3 ปีมานี้ทำให้แบรนด์ต่างกระโดดเข้ามาจับกระแสกันมากมาย รวมถึง Sizzler ที่เริ่มลองในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา โดยหยิบ ‘น้องชีสโทสต์’ มาสคอตของแบรนด์มาทำ
ปรากฏว่าจากที่ประเมินว่าจะขายหมดใน 1 เดือน กลายเป็นขายหมดเกลี้ยงภายใน 1 สัปดาห์ ทำให้ช่วงปลายปีนี้ Sizzler ตัดสินใจผลิตอาร์ตทอยเพิ่ม 10 เท่าทันที จาก 3,000 ตัวเป็น 30,000 ตัว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ใครก็แทนที่ไม่ได้! Sizzler ปั้นแบรนด์เลิฟผ่าน Mascot Branding ‘น้องชีสโทสต์’ เมนูที่เสิร์ฟมากถึง 9 ล้านชิ้นต่อปี
- Sizzler ไม่หยุดแค่ไทย! ไมเนอร์ส่งบุกเวียดนามเปิดสาขาแรก ลุยตลาด CLMV เต็มตัวและมองหาโอกาสในอาเซียนด้วย
- Sizzler รับโอกาสขายช่วงไฮซีซันเทศกาลการจับจ่าย ด้วยการลอนซ์สเต๊กพรีเมียม 3 เมนู พร้อมตกแต่งร้านธีมคริสต์มาส ดึงลูกค้าเข้าร้าน
“เราไม่ได้คาดหวังว่าการทำอาร์ตทอยจะเป็นส่วนหนึ่งที่เข้ามาเพิ่มรายได้ให้กับ Sizzler” อนิรุทร์ เดวิด คอลลินส์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอ็มเอฟ คาเฟ่ แอนด์ เรสเตอรองต์ จำกัด หรือร้าน Sizzler กล่าว “แต่สิ่งที่เราคาดหวังไปมากกว่านั้นคือการที่ทุกคนเห็นลูกค้าห้อยน้องชีสโทสต์แล้วจะสามารถนึกถึงแบรนด์ Sizzler ไปในตัว และทำให้ Sizzler ไม่ใช่แค่แบรนด์ร้านอาหาร แต่สามารถอยู่กับลูกค้าในทุกช่วงเวลา”
ในแง่ภาพรวมของ Sizzler ดูเหมือนว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีไม่น้อย เพราะแม้จะเจอความท้าทายจากต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาลูกค้ากลับเดินเข้าร้านเพิ่มขึ้นกว่า 25% และยอดขายเติบโตกว่า 15% ด้วยกัน ทั้งที่ไม่ได้มีการขึ้นราคาเลย ซึ่งอนิรุทร์หวังว่าตัวเลขดังกล่าวจะอยู่ยาวไปถึงสิ้นปี
อีกทั้งยังเจอคู่แข่งที่ไม่ได้ทำสเต็กก็หันมาทำ รวมถึงอาหารตะวันตกมากขึ้น เพราะเป็นอาหารที่ลูกค้ามองว่าพรีเมียม ถ้าทำได้คุ้มราคาก็จะได้ฐานลูกค้าเดินเข้าร้านมากขึ้น
อนิรุทร์ระบุว่า เหตุผลที่ทำให้ Sizzler ยังฝ่าความท้าทายและเติบโตได้มาจากแคมเปญการตลาดและเมนูที่เปลี่ยนไปในแต่ละไตรมาส อย่างไตรมาส 4 นี้เลือกเป็นธีมซีฟู้ด เพราะมองถึงการที่ช่วงปลายปีลูกค้ามักจะฉลองด้วยกัน จึงเลือก ‘ล็อบสเตอร์’ มาเป็นพระเอกของแคมเปญนี้ ซึ่งพบว่ายอดขายมากกว่าที่คาดไว้ 1.5 เท่าเลยทีเดียว
การทำเมนู Seasonal ช่วยสร้างความตื่นเต้นให้ลูกค้าอยากเดินมาที่ร้าน แต่หากเจาะลึกลงไปจะพบว่าเมนูเหล่านี้คิดเป็นตัวเลขยอดขายราว 15% เท่านั้น ส่วนอีก 85% เป็นเมนูถาวรที่ขายอยู่
สัดส่วนดังกล่าวเป็นตัวเลขที่ Sizzler พึงพอใจเป็นอย่างมาก เพราะแปลว่าลูกค้าติดใจในเมนูของ Sizzler “ซึ่งในยุคที่การแข่งขันรุนแรงทุกคนมีโปรโมชันหมด แต่การที่ยอดขายหลักยังมาจากเมนูถาวรแปลว่านึกถึงเราเมื่ออยากกินสเต็ก ซึ่งถือเป็น Core Business”
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ Sizzler โตคือการทำ Loyalty Program อย่างจริงจัง ซึ่งปัจจุบันตัวเลขฐานลูกค้าเติบโต 70% จาก 5 แสนรายเป็น 7.5 แสนราย
ปัจจุบัน Sizzler มีทั้งสิ้น 65 สาขา ปีนี้เปิดไป 2 สาขา และปีหน้าวางแผนเปิดอีก 3 สาขา พร้อมกับวางแผนที่จะปรับปรุงสลัดบาร์ซึ่งถือเป็นซิกเนเจอร์ของ Sizzler และมีลูกค้ากว่า 30% ที่เดินเข้ามากินแค่สลัดอย่างเดียว ส่วนจะปรับไปในทิศทางไหน Sizzler ขอยังไม่บอกตอนนี้ แต่ปีหน้าได้เห็นโฉมใหม่แน่นอน