วันนี้ (21 กันยายน) ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีการตีความอำนาจของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดยคณะกรรมการกฤษฎีกา ในการอนุญาตหรือไม่อนุญาตควบรวม TRUE-DTAC
ศิริกัญญากล่าวว่า เอกสารความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาครั้งนี้ ตีความแบบที่ต้องตีความอีกและเต็มไปด้วยความคลุมเครือ ทำให้คนอ่านสับสนและต้องมานั่งตีความกันหลายชั้นว่าตกลง กสทช. มีอำนาจพิจารณาอนุญาตให้เกิดการควบรวมหรือไม่ ทั้งๆ ที่คำถามของ กสทช. นั้นตรงไปตรงมา
ถึงจะกล่าวได้คลุมเครือ แต่เอกสารฉบับนี้มีสาระสำคัญที่ต้องพิจารณา 2 เรื่อง หนึ่งคือคณะกรรมการกฤษฎีกาบอกอย่างชัดเจนว่าเรื่องส่วนใหญ่ที่ กสทช. ถามไปนั้น เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ดุลพินิจตามกฎหมาย กสทช. คณะกรรมการกฤษฎีกาไม่อาจให้ความเห็นในส่วนอำนาจหน้าที่ กสทช. อันเป็นองค์กรอิสระได้
สองคือคณะกรรมการกฤษฎีกายังเขียนอย่างชัดเจนว่า เพื่อกำกับดูแลมิให้การรวมธุรกิจมีผลเป็นการผูกขาดหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขัน จึงให้อำนาจ กสทช. กำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะตามประกาศ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาได้อ้างถึงข้อ 8 ของประกาศปี 2549 และข้อ 9 ของประกาศปี 2561 ส่วนหนึ่งของการให้ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีการะบุว่า
“…เพราะในกรณีที่เข้าข่ายตามข้อ 8 ของประกาศฉบับปี 2549 กสทช. ก็มีอำนาจอนุญาตตามข้อ 8 นั้นได้อยู่แล้ว”
ศิริกัญญากล่าวต่อไปว่า ตรงเพราะในกรณีที่เข้าข่ายตามข้อ 8 ของประกาศฉบับปี 2549 กสทช. ก็มีอำนาจอนุญาตตามข้อ 8 นั้นได้อยู่แล้ว เนื้อความในข้อ 8 ตามประกาศปี 2549 พูดถึงการถือครองธุรกิจในบริการประเภทเดียวกัน โดยการเข้าซื้อหุ้นเกินกว่าร้อยละสิบของผู้รับใบอนุญาตรายอื่น หรือการเข้าซื้อสินทรัพย์ ไม่ว่าจะกระทำโดยทางตรงหรือทางอ้อมผ่านตัวแทนจะกระทำไม่ได้ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจาก กสทช.
ดังนั้นความเห็นทางกฎหมายนี้จึงยิ่งตอกย้ำว่า กสทช. ไม่อาจปัดความรับผิดชอบในการพิจารณาหยุดยั้งการผูกขาดธุรกิจโทรคมนาคมครั้งนี้ได้ เพราะเข้าข้อ 8 เต็มๆ ว่าเป็นการถือหุ้นทางอ้อมของบริษัทแม่ในบริษัทลูกอย่าง TRUE และ DTAC
ศิริกัญญากล่าวด้วยว่า ยังมีอีกข้อสังเกตของความไม่ชอบมาพากลของ ‘ที่ปรึกษาอิสระ’ ที่ว่าจ้างโดย TRUE และ DTAC เพื่อให้เป็นไปตามประกาศ กสทช. เข้ามาจัดทำรายงานศึกษาคือ บล.ฟินันซ่า ซึ่งจากรายงานข่าว มีการเปิดโปงถึงความสัมพันธ์โยงใยกับบริษัท TRUE
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บล.ฟินันซ่า คือ บล.ที่ปรึกษาลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (บล.เอฟเอสเอส) มี บล.ฟินันเซีย ไซรัส ถือหุ้นอยู่ถึง 89.99% ซึ่งมี ชวัล เจียรวนนท์ ถือหุ้นอยู่ 1.63% และมี ชัชวาลย์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการบริหาร TRUE ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการอยู่ด้วย จึงทำให้ บล.ฟินันซ่า ขาดคุณสมบัติในเรื่องความเป็นอิสระมาตั้งแต่ต้น และอาจส่งผลให้การยื่นขอควบรวมของ TRUE-DTAC เป็นโมฆะหรือไม่
ถ้าพิจารณากันด้วยเหตุผล ไม่มีเหตุผลใดเลยที่ กสทช. จะยอมรับให้การควบรวมธุรกิจโทรคมนาคมของประเทศเหลือเพียง 2 เจ้าใหญ่เกิดขึ้นได้ เรื่องนี้จึงเหลือแค่ด่านสุดท้ายคือให้ กสทช. มีความกล้าหาญทำตามหน้าที่ของตนเอง ปกป้องผลประโยชน์ประชาชนโดยอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่เกรงใจกลุ่มทุน