วันนี้ (6 สิงหาคม) สิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ เข้ายื่นหนังสือถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อให้พิจารณาถอนประกันตัว จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน กับพวกรวม 29 คน ผู้ต้องหาข้อหา ‘ร่วมกันชุมนุม ก่อความวุ่นวาย ร่วมกันพยายามข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติตามหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย และร่วมกันชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ที่มีการประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด’ กรณีผู้ต้องหาทั้ง 29 คนได้รวมตัวกันที่หน้ากองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ถนนวิภาวดีรังสิต ชุมนุมและข่มขู่กดดันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคืนรถบรรทุก 6 ล้อและเครื่องขยายเสียงซึ่งถูกยึดเป็นของกลางในคดี โดยได้นำสีแดงสาดใส่รั้วประตู บช.ปส. และตำรวจ และพยายามเข้าไปในสถานที่ราชการเพื่อเอาของกลางที่ถูกยึดไว้ ซึ่งตำรวจได้เข้าจับกุมเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อมาศาลอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 29 คน เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564 แต่หลังจากได้ปล่อยตัวตามคำสั่งศาลแล้วในวันเดียวกัน ผู้ต้องหาทั้ง 29 คนได้ชุมนุมก่อความวุ่นวาย พร้อมทั้งทำลายทรัพย์สินของราชการของสถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้องอีกหลังจากที่ได้รับการปล่อยตัว
พฤติการณ์ของจตุภัทร์ถือได้ว่าเป็นการกระทำความผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าในลักษณะเดิมๆ เป็นพฤติการณ์ของคนที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ไม่เคารพกฎหมายบ้านเมือง เข้าลักษณะเป็นคนนอกกฎหมาย อันอาจทำให้ผู้อื่นเอาเยี่ยงอย่างเพื่อก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง และกระทำผิดต่อเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวในกรณีห้ามก่อความวุ่นวายหรือทำกิจกรรมในลักษณะเดียวกันกับที่ถูกกล่าวหาในคดีแรก จึงขอยื่นเรื่องให้อธิบดีผู้พากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิจารณาตรวจสอบว่าเป็นการกระทำที่ผิดเงื่อนไขในการให้ประกันตัวหรือไม่ และให้พิจารณาถอนการประกันตัวจตุภัทร์กับพวกทั้งหมดด้วย
“ผมในฐานะประธานกรรมาธิการการกฎหมายฯ ไม่ยอมให้คนกลุ่มนี้อยู่เหนือกฎหมาย ไผ่จบนิติศาสตร์ ย่อมรู้ดีว่าการกระทำใดเป็นการทำผิดกฎหมาย แต่พฤติกรรมนานเป็นปีๆ กลับมีการใช้กำลังทำตัวอยู่นอกกฎหมายตลอดเวลา บุคคลเหล่านี้เป็นคนไม่ปกติ จะอยู่ร่วมกับคนปกติไม่ได้ ผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมต้องดำเนินการ วันนี้ชัดเจนแล้วว่าไผ่และพรรคพวกจงใจก่อม็อบเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในประเทศ และเจตนาล้มล้างสถาบันฯ” สิระกล่าว
สิระยังกล่าวต่อไปว่า ได้มีการออกหมายจับไผ่แล้ว ประชาชนหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจเจอไผ่สามารถจับกุมได้ทันที ใครจับได้ตนขอตั้งรางวัลนำจับ 500 บาท ตนประเมินราคาไผ่น้อยกว่านี้ 500 บาทก็ราคาแพงเกินความจริงแล้ว ตอนแรกจะให้ 5 บาทก็เกรงใจ ก็เลยคิดว่ามีค่าเท่านี้ เหมือนโจร 500
เมื่อถามถึงการชุมนุมในวันที่ 7 สิงหาคม สิระกล่าวว่า ตนไม่ห่วงการชุมนุมที่จะเกิดขึ้น เพราะเชื่อว่ามีคนไม่กี่คนที่จะออกไปทำพฤติกรรมเลวๆ แบบนั้น และเชื่อว่าผู้ปกครองต้องตักเตือนเยาวชนในปกครองของตัวเอง และที่สำคัญที่สุด เยาวชนต้องรู้ทันบรรดาแกนนำที่รู้กฎหมาย เพราะถ้ารู้ว่าทำแล้วชอบด้วยกฎหมาย ทำไมแกนนำอีแอบเหล่านั้น ทั้งปลอมตัว ปกปิดไปยืนหลังม็อบ เตี้ยหลังม็อบ ถึงไม่ขึ้นเวทีเปิดเผยตัวให้ชัด ไม่ใช่ไปเป็นอีแอบหลอกใช้เยาวชน ในสัปดาห์หน้าตนก็จะไปยื่นเอาผิดกับ ส.ส. อีแอบที่อ้างว่าไปสังเกตการณ์ในที่ชุมนุม โดยที่ไม่ได้รับการมอบหมายใดๆ
