วันนี้ (17 ตุลาคม) จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวตามสื่อในประเด็นที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งถูกโยงว่าเป็นเครือข่ายสแกมเมอร์ และมีการใช้ที่อยู่ของอาคารซิโน-ไทย ทาวเวอร์ ต่อมาทางผู้เกี่ยวข้องของ 3 บริษัทได้ออกเอกสารชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจต่อสาธารณะ ดังนี้
บริษัท ซีโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)
ฝ่ายสื่อสารองค์กรของ บมจ. ซีโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) ได้ออกเอกสารข่าวชี้แจงว่า อาคาร ซิโน-ไทย ทาวเวอร์ อยู่ในความรับผิดชอบของ บริษัท เอช ที อาร์ จำกัด (HTR CORPORATION LIMITED) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ซีโน-ไทย และดำเนินธุรกิจด้านสำนักงานเชิงพาณิชย์ โดยให้บริการจัดการพื้นที่ ให้บริการจัดหา และดูแลอาคารสำนักงาน
จากการตรวจสอบของบริษัท พบว่า บริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้เช่าพื้นที่สำนักงานอยู่ ณ ชั้น 7 ของอาคาร ซิโน-ไทย ทาวเวอร์ โดยมีระยะเวลาเช่าเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2569 เพื่อดำเนินธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์
ทั้งนี้ บริษัท เอช ที อาร์ จำกัด ยืนยันว่าการดำเนินธุรกิจมีความโปร่งใส ถูกต้องตามกฎหมาย และได้มีการตรวจสอบเอกสารประกอบการเช่าอย่างครบถ้วนตามกฎหมายโดยบริษัทฯ ไม่สามารถตรวจสอบหรือคาดการณ์การดำเนินธุรกิจของผู้เช่าภายหลังได้ พร้อมยืนยันว่าอาคารไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดกฎหมายในทุกกรณี
บริษัท เอช ที อาร์ จำกัด
ในฐานะผู้ให้เช่าอาคาร ซิโน-ไทย ทาวเวอร์ บริษัท เอช ที อาร์ จำกัด ได้ออกเอกสารชี้แจงเช่นกันว่า บริษัทฯ ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความเป็นธรรม , โปร่งใส , ยึดถือปฏิบัติตามกฎหมาย และไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริตและการคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม โดยได้กล่าวอ้างถึงการเช่าพื้นที่ของ บริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่ชั้น 7 ของอาคาร เพื่อดำเนินธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์
บริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
ได้ออกหนังสือชี้แจงในวันเดียวกัน โดยระบุว่า เนื้อหาข่าวเกี่ยวกับ บริษัท ปริ้น โฮลดิ้ง กรุ๊ป อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเกี่ยวข้องกับบริษัท บริษัทฯ ขอยืนยันว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับธุรกิจที่ผิดกฎหมาย หรือ การกระทำความผิดทุกรูปแบบ โดยปัจจุบัน บริษัทดำเนินธุรกิจในฐานะ นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ซึ่งให้บริการลูกค้าเฉพาะภายในประเทศไทยเท่านั้น และยึดมั่นในหลักความซื่อสัตย์ โปร่งใส และถูกต้องตามกฎหมายมาโดยตลอด
นอกจากนี้ บริษัทฯ ชี้แจงว่า เคยนำโครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศกัมพูชามาจัดทำการตลาด แต่ได้ยุติการทำตลาดและการขายไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566 เนื่องจากโครงการดังกล่าวไม่สามารถจำหน่ายได้ในตลาดประเทศไทย โดยขอความกรุณาและความเข้าใจ พร้อมยืนยันความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมืออาชีพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจอย่างต่อเนื่อง
