น้ำดื่มสิงห์ไม่หยุดสร้างสีสันให้ตลาดน้ำดื่ม ด้วยการเปิดตัวฉลากลิมิเต็ดเอดิชันคอลแลบกับ ‘Care Bears’ ตุ๊กตาหมีสุดน่ารักขวัญใจคนทั่วโลก หวังตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดน้ำดื่มอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 20.6% ในปีที่ผ่านมา พร้อมตั้งเป้าเติบโตไม่น้อยกว่า 6.5% ในปีนี้ ท่ามกลางความท้าทายจากคู่แข่งหน้าใหม่และต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
ธิติพร ธรรมาภิมุขกุล Chief Marketing Officer บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด เผยว่า การร่วมมือกับ Care Bears เป็นหนึ่งในกลยุทธ์คอลลาบอเรชันที่น้ำดื่มสิงห์ทำมาอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้เคยร่วมกับคาแรกเตอร์ดังอย่าง Mickey Mouse, My Little Pony, Frozen, Toy Story และ Doraemon
ซึ่งแต่ละครั้งสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 20-30% และได้รับกระแสตอบรับที่ดีเสมอมา โดยเฉพาะคอลเล็กชัน Mickey Mouse ที่มีลายให้สะสมมากที่สุด เนื่องจากเป็นคอนเซปต์ตัวอักษร ทำให้ครอบคลุมความชอบของผู้บริโภคได้หลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นเด็ก วัยรุ่น หรือผู้ใหญ่
การเลือก Care Bears ในปีนี้ เพราะเป็นคาแรกเตอร์ที่ได้รับความนิยมจากคนทุกเพศทุกวัย มีประวัติยาวนานกว่า 40 ปี และมีภาพลักษณ์ที่สดใส ซึ่งจะสามารถเจาะกลุ่มครอบครัวและเด็ก ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญและมีแนวโน้มที่จะภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว
นอกจากนี้ Care Bears ยังมีทั้งหมด 7 ตัวละคร ซึ่งสามารถนำมาออกแบบเป็นฉลากได้หลากหลายรูปแบบ สร้างความน่าสนใจและกระตุ้นให้ผู้บริโภคอยากสะสมให้ครบเซ็ต
หากมองให้ลึกจะพบว่าการออกฉลากลิมิเต็ดเอดิชันถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยกระตุ้นยอดขายและสร้าง Brand Engagement ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญของน้ำดื่มสิงห์ ที่จะกลายเป็นฐานลูกค้าเมื่อเติบโตขึ้นต่อไป
นอกจากนี้ ฉลากยังเป็นสื่อเคลื่อนที่ที่ช่วยโปรโมตแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวางจำหน่ายในร้านค้าปลีกต่างๆ ซึ่งช่วยให้แบรนด์เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายและรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถต่อยอดไปสู่การผลิตสินค้า Merchandise ที่เกี่ยวข้องกับคาแรกเตอร์นั้นๆ ได้อีกด้วย
“ครั้งนี้เราเลือกจะออกแค่ 2 ขนาด คือ 330 และ 750 มิลลิลิตร ไม่ทำขนาด 600 มิลลิลิตร เพราะอยากให้คนขยับไปซื้อขนาด 750 มิลลิลิตร ซึ่งเป็นขนาดที่ใหญ่กว่า แต่ในทางกลับกันเราก็จะไม่ทำขนาด 1.5 ลิตร เพราะส่วนใหญ่จะซื้อตอนไปต่างจังหวัดหรือซื้อเข้าบ้าน แต่เราอยากให้ขวดเป็นพื้นที่โฆษณาไปด้วย เลยทำขนาดที่ผู้คนดื่มนอกบ้านดีกว่า”
แม้ตลาดน้ำดื่มจะมีมูลค่าสูงถึง 3.8 หมื่นล้านบาท (หรือ 3.7 พันล้านลิตร) และเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงโควิดที่ตลาดน้ำดื่มเติบโตสูงถึง 9-10% เนื่องจากผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขอนามัยมากขึ้น แต่ก็มีความท้าทายจากแบรนด์ท้องถิ่นที่เข้ามาแข่งขันมากขึ้นด้วยจุดเด่นด้านราคาที่ถูกกว่า รวมถึงต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจากสถานการณ์โควิด และราคาพลาสติกที่เพิ่มสูงขึ้น
จุดนี้เองที่ทำให้น้ำดื่มสิงห์ต้องปรับกลยุทธ์ โดยเน้นการสร้าง Brand Love และ Engagement ผ่านกิจกรรมทางการตลาดที่หลากหลาย เช่น การออกฉลากลิมิเต็ดเอดิชัน การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านสิงห์รีวอร์ด และการใช้สื่อออนไลน์ในการสื่อสารกับผู้บริโภค เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่ไปพร้อมๆ กัน
ด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งและการสร้างความแตกต่างอย่างต่อเนื่อง เช่น การใช้ฉลากเป็นพื้นที่โฆษณาเคลื่อนที่ การรักษาคุณภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ รวมถึงการสร้างสรรค์กิจกรรมทางการตลาดที่น่าสนใจ คงต้องดูกันต่อไปยาวๆ ว่าจะช่วยน้ำดื่มสิงห์ครองใจผู้บริโภคและรักษาความเป็นผู้นำตลาดน้ำดื่มต่อไปได้หรือไม่