วานนี้ (31 พฤษภาคม) นายกรัฐมนตรีลีเซียนลุงของสิงคโปร์เผยถึง ‘สิ่งที่สิงคโปร์ต้องทำ’ เพื่อรับมือโควิด-19 ในระยะต่อไป เพื่อให้พร้อมก้าวไปสู่จุดที่สามารถกลับมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเชื่อมต่อกับประชาคมโลกได้อีกครั้ง โดยสามสิ่งสำคัญที่สิงคโปร์ต้องทำให้มากขึ้นและรวดเร็วยิ่งขึ้นคือ การตรวจหาเชื้อ การติดตามแกะรอยเชื้อ และการฉีดวัคซีนโควิด-19
อย่างแรกคือ การตรวจหาเชื้อที่สะดวก รวดเร็ว ครอบคลุม และสม่ำเสมอจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตในยุค New Normal การขยายพื้นที่การตรวจหาเชื้อจะช่วยทำให้เราปลอดภัยมากยิ่งขึ้น มั่นใจที่จะกลับไปจัดกิจกรรมต่างๆ ที่มีการรวมตัวกันมากๆ ได้อีกครั้ง
อย่างที่สองคือ การติดตามแกะรอยเชื้อที่ครอบคลุมและจริงจัง สิ่งนี้จะช่วยให้เรารักษาเวลา และจัดการกับคลัสเตอร์การแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
อย่างที่สามคือ เราจะต้องฉีดวัคซีนให้กับประชาชนให้เยอะขึ้นและเร็วยิ่งขึ้น โดยในช่วงวันหยุดภาคเรียนในเดือนมิถุนายนนี้ ทางการจะเริ่มต้นฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับเด็กนักเรียนที่อายุ 12 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ก่อนที่จะขยายไปสู่กลุ่มช่วงอายุ 39 ปีขึ้นไป ซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
ขณะนี้ราว 3 ใน 4 ของประชาชนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปเข้ารับวัคซีนโควิด-19 แล้ว ถ้าคุณอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป แต่ยังไม่ได้เข้ารับการฉีดวัคซีน โปรดไปเข้ารับการฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนหรือนัดคิวล่วงหน้า เพียงเดินทางไปยังศูนย์ให้บริการฉีดวัคซีนที่ท่านสะดวกเพื่อเข้ารับวัคซีนได้เลย หรือในกรณีที่ท่านไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ โปรดติดต่อทีม Silver Generation Office เพื่อขอรับความช่วยเหลือ
ด้วยโปรแกรมการฉีดวัคซีนที่รุดหน้า สต๊อกวัคซีนโควิด-19 ที่ส่งมอบตรงเวลาตามนัดหมาย คาดว่าทุกคนที่มีสิทธิเข้ารับการฉีดวัคซีนจะเข้ารับวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อย 1 โดส ก่อนวันชาติสิงคโปร์ (9 สิงหาคม) ปีนี้
ในยุค New Normal เราจะร่วมมือกันช่วยทำให้สังคมของเราปลอดภัย ควบคู่ไปกับการกลับมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจและจุดยืนของเราเอง เพื่ออนาคตของพวกเรา เราจะไม่ปล่อยให้โควิด-19 มาครอบงำชีวิตของพวกเรา แต่เราเรียนรู้ที่จะอยู่กับไวรัสที่อยู่รายล้อมเราเหล่านี้
โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่อาจจะค่อยๆ ลดจำนวนลง ตราบเท่าที่ประชาชนของเราส่วนใหญ่เข้ารับการฉีดวัคซีน เราควรจะสามารถติดตามเชื้อ กักตัว และรักษาเคสที่เพิ่มขึ้นมาได้ ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อที่ระบาดรุนแรง
หลายประเทศที่รวมพลังเป็นหนึ่งเดียวกัน มีระเบียบวินัยและมีมาตรการรับมือที่มีประสิทธิภาพฉับไว จะสามารถกลับมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเชื่อมต่อกับประชาคมโลก เติบโตและมั่งคั่งได้อีกครั้ง โดยสิงคโปร์ตั้งเป้าจะเป็นหนึ่งในประเทศหล่านั้น
ล่าสุด สิงคโปร์มีผู้ติดเชื้อสะสม 62,051 ราย เสียชีวิตแล้ว 33 ราย เหลือผู้ป่วยที่ยังรักษาอาการติดเชื้ออยู่ราว 560 ราย ทางการอนุมัติการฉีดวัคซีนจาก Moderna และ Pfizer-BioNTech เป็นกรณีฉุกเฉิน ฉีดวัคซีนไปแล้ว 3.73 ล้านโดส (24 พฤษภาคม) ประชาชนราว 2.11 ล้านราย เข้ารับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส ขณะที่ 27.6% ของประชากรทั้งหมด 5.85 ล้านราย เข้ารับวัคซีนครบโดสแล้ว
ภาพ: Etienne Oliveau / Getty Images
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: