นายกรัฐมนตรีลีเซียนลุงแห่ง สิงคโปร์ ออกแถลงการณ์ถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์เนื่องในวันชาติสิงคโปร์ ระบุว่า สิงคโปร์กำลังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่เริ่มปรากฏให้เห็นบ้างแล้ว แต่ทิศทางการเติบโตของสิงคโปร์กลับดูมืดมนอย่างมาก เนื่องจากมีปัจจัยฉุดรั้งทั้งจากภายนอกและภายใน
โดยปัจจัยภายในคือเงินเฟ้อ ขณะที่ปัจจัยภายนอกก็คือนโยบาย Fed และความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ กรณีไต้หวัน
ทั้งนี้ ผู้นำสิงคโปร์ได้ใช้โอกาสนี้ให้คำมั่นว่า รัฐบาลจะเตรียมออกมาตรการกระตุ้นอื่นๆ ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า เพื่อช่วยประชาชนรับมือกับภาวะราคาสินค้าและบริการที่จะขยับปรับตัวแพงขึ้น
ท่าทีของนายกรัฐมนตรีลีเซียนลุงแห่งสิงคโปร์มีขึ้น หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อของสิงคโปร์พุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบกว่าหลายสิบปี ขณะที่ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางสิงคโปร์ประกาศการดำเนินนโยบายการเงินแบบตึงตัวเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อหวังรับมือกับแรงกดดันของราคาสินค้าและบริการที่ยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้นเช่นกัน
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีลีเซียนลุงยังได้ออกมาเตือนประชาชนให้เตรียมพร้อมรับมือผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาในภายหลังจากสถานการณ์บริเวณช่องแคบไต้หวันทวีความตึงเครียด และทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ สองชาติมหาอำนาจเริ่มเย็นชามึนดึงใส่กัน
ลีเซียนลุงกล่าวว่า รอบๆ สิงคโปร์มีพายุลูกใหญ่ที่กำลังก่อตัวขึ้น โดยสิงคโปร์ก็ไม่อาจหนีพ้น และอาจโดนลูกหลงจากสภาวะการแข่งขันและความตึงเครียดในภูมิภาคเอเชียที่ยกระดับขึ้น อีกทั้งยังควรเตรียมตัวรับมือกับอนาคตที่มีเสถียรภาพน้อยลงกว่าที่เป็นอยู่ในเวลานี้ด้วย
อ้างอิง: