“ความลับของ ‘ตราแผ่นดิน’ อาจถูกซ่อนอยู่ในลวดลายของผ้า ‘ส่าหรี’
และ ‘คนแดนไกล’ ที่ใช่คือคนที่ส่าหรีเลือก”
กิมมิกชวนค้นหาจาก สิเน่หาส่าหรี ละครเรื่องใหม่ทางช่อง one31 ถูกสร้างขึ้นจากนิยายซีรีส์ผ้าโดยพงศกร นำแสดงโดย ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก, ฌอห์ณ จินดาโชติ, ริชชี่ อรเณศ, ก้อง วิทยา, แหม่ม คัทลียา ฯลฯ ที่ล่าสุดออกอากาศมาถึง EP.6 และ THE STANDARD POP ขอชวนทุกคนมาอุ่นเครื่องก่อนติดตาม EP. ต่อไปในคืนนี้ และพบกับปริศนาชวนคิดบางอย่างไปพร้อมๆ กัน
เรื่องราวการตามหาตราแผ่นดินให้กลับคืนสู่มันตราปุระ เริ่มต้นจากความรักของเจ้าชายชัยทัศน์ วิเรนทรา มันตรา (ก้อง-วิทยา เทพทิพย์) และ นิลปัทม์ (ริชชี่-อรเณศ ดีคาบาเลส) ที่ต้องการแต่งงานกัน แต่ด้วยภาระหน้าที่อันใหญ่หลวงของเจ้าชายชัยทัศน์ที่ต้องขึ้นเป็นมหาราชาปกครองเมืองมันตราปุระในอนาคต ทำให้การแต่งงานกับคนต่างแดนอย่างนิลปัทม์ไม่ใช่เรื่องง่าย
และเมื่อรู้ว่าน้องสาวกำลังตกที่นั่งลำบาก ดีไซเนอร์สาวคนเก่งอย่าง นวลเนื้อแก้ว (ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) จึงจำเป็นต้องละทิ้งหน้าที่การงานในเมืองไทยชั่วคราว เพื่อไปช่วยเหลือและปกป้องน้องสาวสุดที่รักอย่างนิลปัทม์ ที่เมืองมันตราปุระ และทำให้ได้พบกับเจ้าชายกีริช แมคเดอร์มอร์ท วิเรนทรา มันตรา (ฌอห์ณ จินดาโชติ) พี่ชายต่างแม่ของเจ้าชายชัยทัศน์ ที่จะมาคอยดูแลและปกป้องนวลเนื้อแก้วอย่างดีที่สุด
ในคืนแรกที่นวลเนื้อแก้วมาถึงมันตราปุระ เธอได้ฝันเห็นผู้หญิงแปลกหน้าที่ห่มผ้าส่าหรีผืนงาม และทำให้เธอพบกับ ‘มุกบนทองพระกร’ ที่หายไปของราชมาตาสริตา (พิม-พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์)
“เมื่อใดที่ทองพระกรปรากฏแล้ว ตราแผ่นดินจะตามมาในไม่ช้า”
จากคำกล่าวนี้ทำให้เจ้าชายกีริชสงสัยว่า ‘นวลเนื้อแก้ว’ อาจเป็น ‘คนที่ใช่’ ที่จะพาไปหาที่ซ่อนของ ‘ตราแผ่นดิน’ ที่หายไปร่วม 70 ปี
ตราแผ่นดิน คือของสำคัญถึงขนาดถูกระบุไว้ในกฎหมายว่า ‘หากใครได้ครอบครองตราแผ่นดินนี้ เท่ากับว่าได้ครอบครองมันตราปุระ’ อังกฤษต้องการตราแผ่นดินเพื่อหวังครอบครองความอุดมสมบูรณ์ด้านทรัพยากรในมันตราปุระ ทำให้ราชมาตาสริตา มหาราชานารายัณ และเจ้าชายศรัณจี ต้องร่วมมือกันปกป้องตราแผ่นดินจากอังกฤษ
ผลสุดท้ายต้องแลกมากับการหลบหนีและการกวาดล้างราชวงศ์มันตรา หลังจากนั้นตราแผ่นดินก็หายสาบสูญไปพร้อมกับมหาราชาและองค์รัชทายาท ส่วนราชมาตาสริตานั้นถูกจับตัวเอาไว้ได้ อังกฤษไม่ฆ่าเนื่องจากเกรงว่าประชาชนลุกขึ้นต่อต้าน เพราะราชมาตาสริตาเป็นที่รักใครของประชาชน ถึงแม้ท่านจะไม่ใช่คนมันตราปุระโดยกำเนิดแต่ท่านก็รักมันตราปุระไม่แพ้ผู้ใด
หลังจากนั้นอังกฤษได้แต่งตั้งเจ้าชายชัยดรุณ โอรสต่างมารดาที่หัวอ่อนขึ้นครองราชย์แทน อังกฤษก็คืนเอกราชให้มันตราปุระ แต่ทรัพยากรและทรัพย์สมบัติของราชวงศ์นั้นได้ตกไปอยู่ในมือของนักธุรกิจชั่วร้ายอย่างตระกูลพสุธา (มาถึงตรงนี้หลายคนน่าจะเริ่มรู้สึกเหมือนกันว่า เรื่องราวเหมือนไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในมันตราปุระเท่านั้น)
นวลเนื้อแก้วและเจ้าชายกีริชจำเป็นต้องตามหาตราแผ่นดินให้เจอ เนื่องจากธรรมเนียมของมันตราปุระ ฝ่ายหญิงจะต้องเป็นฝ่ายสู่ขอฝ่ายชาย โดยคนเรียกสินสอดคือแม่สามี มหาราณีศศิประไพจึงถือโอกาสนี้เรียกสินสอดเป็นตราแผ่นดินจากว่าที่เจ้าสาวทั้งสองคนอย่างนิลปัทม์และสาวิตรี พสุธา
หลังจากการค้นพบมุกบนทองพระกรที่หายไป ไม่นานเจ้าชายกีริชและนวลเนื้อแก้วก็ได้พบกับปริศนาอันใหม่ที่จะนำพวกเขาเข้าใกล้ที่ซ่อนของตราแผ่นดิน ปริศนาที่อยู่บนลวดลายของ ‘ผ้าส่าหรีสีขาวงาช้าง’ แต่แท้จริงแล้วเป็นสีขาวแบบดวงจันทร์เดือนสิงหาคม และเมื่อนำผ้าไปวางรับแสงของดวงจันทร์ในเดือนสิงหาคมทำให้เกิดลายผ้าที่มหัศจรรย์ขึ้น
เนื่องจากคนในสมัยโบราณมักจะปักผ้าโดยมีความหมายซ่อนอยู่ แต่ลวดลายบางส่วนยังมีส่วนที่ขาดหายไป และคนที่จะช่วยเรื่องนี้ได้ก็คือ นวลเนื้อแก้ว ดีไซเนอร์ชื่อดังที่เชี่ยวชาญเรื่องผ้าทุกชนิด ที่จะเชื่อมโยงเรื่องราวแฟชั่น ความสวยงาม งานศิลปะ ประวัติศาสตร์ สังคมและการเมืองไว้ด้วยกัน เป็นหนึ่งในเสน่ห์สำคัญที่ทำ สิเน่หาส่าหรี เป็นละครที่ดูสนุกและมีเรื่องชวนคิดอยู่ตลอดเวลา
โดยเฉพาะปัญหา ‘การเมือง’ ที่ปกครองแบบรวมอำนาจอยู่ที่คนกลุ่มเดียว จนทำให้เกิดปัญหาเดือดร้อนที่ลุกลามใหญ่โต แต่ไม่ได้รับการแก้ไข เพราะคนมีอำนาจไม่ได้เดือดร้อน บ้านเมืองที่ประชาชนทุกคนควรได้รับโอกาสและความเป็นอยู่ที่ดี กลับกลายเป็นประชาชนต้องเดือดร้อนจากความเห็นแก่ตัวและเห็นแก่พวกพ้องของนักธุรกิจเลือดเย็น อย่างที่นวลเนื้อแก้วได้พูดไว้
“บ้านเมืองที่ร่ำรวย วัดได้จากประชาชนที่อยู่ดีมีสุข ฉันไม่เห็นว่าที่นี่จะเป็นแบบนั้น”
รวมถึงความรักความสามัคคีของพี่น้องทั้งฝั่งนวลเนื้อแก้วและเจ้าชายกีริช พี่น้องทั้งคู่ต่างรักใคร่กันเป็นอย่างดี ไม่ชิงดีชิงเด่นจนทำให้เกิดความบาดหมาง เป็นความสัมพันธ์ที่ช่วยเหลือเกื้อกูลที่ไม่ใช่แค่ ‘ความรัก’ ที่ทำให้เราลุ้นอยู่ตลอดว่า เจ้าชายกีริชจะใช้วิธีใดในการจีบนวลเนื้อแก้วแบบแนบเนียน นอกจากการเรียก ‘Miss’ และคำขอร้องอย่าง ‘Please’ (ที่ใช้เฉพาะนวลเนื้อแก้วคนเดียว) ถือได้ว่าเป็นเคมีใหม่ที่ลงตัวมากและอดที่จะอมยิ้มไปกับทั้งคู่ไม่ได้ จนหลายคน (รวมทั้งผู้เขียน) รู้สึกอยากเป็นนวลเนื้อแก้วของท่านกีริชขึ้นมาอยู่เหมือนกัน
อีกหนึ่งเรื่องที่ต้องชื่นชมคือ เสื้อผ้า หน้า ผม รวมถึงองค์ประกอบภาพอื่นๆ ที่สวยงาม ละเอียดเหมาะสมกับเนื้อเรื่องที่มีความเป็นอินเดียเป็นอย่างมาก และที่ขาดไม่ได้เลยคือเพลงประกอบละครที่มีด้วยกันถึง 2 เพลง คือ รักฉันรึเปล่า ของ KLEAR และ คนสุดท้ายตลอดกาล ของ เอ๊ะ จิรากร เป็นเพลงที่ใช้แทนความรู้สึกของตัวละครในเรื่อง และตัดต่อออกมาได้ถูกจังหวะ เพิ่มบรรยากาศได้เป็นอย่างดี
ยังมีปริศนา อุปสรรค และประเด็นน่าสนใจอีกมากมายที่ยังรอให้ทุกคนไปหาคำตอบพร้อมกับทุกตัวละคร โดยเฉพาะใน EP.7 ที่จะออกอากาศในคืนนี้ กับช่วงที่เนื้อเรื่องกำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญของการเดินทาง และเรื่องราวความรักของทั้งสองคู่จะลงเอยกันอย่างไร
ติดตามชม สิเน่หาส่าหรี ได้ ทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.20 น. ทางช่อง one31
