นับจากปี พ.ศ. 2477 จนถึงวันนี้กว่า 86 ปีแล้วที่ ‘ซินไฉฮั้ว’ ธุรกิจซักผ้าอุตสาหกรรม เปิดดำเนินงานมา หากนับเป็นคนก็อยู่ในวัยคุณปู่ คุณย่ากันแล้ว
หลายคนอาจจะไม่คุ้นชื่อ ‘ซินไฉฮั้ว’ ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เชื่อว่าบางคนอาจจะเคยผ่านการใช้ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัวในโรงแรม ตลอดจนชุดคนไข้ในโรงพยาบาลชื่อดังบางแห่ง ล้วนเป็นผลงานของ ‘ซินไฉฮั้ว’ ทั้งสิ้น
THE STANDARD มีนัดคุยกับ ปิยะพล กัญจนาภรณ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซินไฉฮั้วอุตสาหกรรม จำกัด ทายาทรุ่นที่ 3 ผู้ที่กำลังจะนำพาธุรกิจซักผ้าอุตสาหกรรมเก่าแก่แห่งนี้ ไปแสวงหาโอกาสใหม่ๆ มาเติมเต็มธุรกิจ
สิ่งที่ทำให้ธุรกิจไปต่อได้ คือ ‘ความซื่อสัตย์’
เป็นเวลากว่า 15 ปีแล้วที่ ปิยะพล ได้เข้ามาดูแลธุรกิจครอบครัวอย่างเต็มตัว เขาบอกว่า ตอนเข้ามาบริหารไม่ได้รับโจทย์อะไรจากครอบครัวเลย คุณพ่อปล่อยให้บริหารอย่างเต็มที่
“คุณพ่อมีแนะนำบ้าง ส่วนใหญ่จะให้ลองทำเอง ไม่เคยห้ามอะไร ลองทำเสร็จปุ๊บก็ไปถามว่าเป็นอย่างไร แล้วก็จะให้มุมมองของผู้เคยผ่านมาก่อน บางอย่างผมไปคิดย้อนหลังก็พบว่า ไม่เข้าท่าเลย แต่คุณพ่อก็ให้ลองทำ ผิดพลาดก็เยอะ เจ็บตัวก็มาก กว่าจะถึงตรงนี้ได้”
ท่ามกลางคู่แข่งรายใหญ่ 3-4 ราย สิ่งที่ทำให้ซินไฉฮั้วสามารถยึดเบอร์ 1 หรือ 2 ในอุตสาหกรรมนี้ได้ คือ ‘ความซื่อสัตย์’ ด้วยนี่เป็นธุรกิจบริการ ไม่ได้ขายสินค้าเหมือนธุรกิจอื่นๆ สิ่งที่ทำได้ก็คือบริการลูกค้า ซื่อสัตย์กับลูกค้า รับผิดชอบคำพูดของตัวเอง ไม่มีทางทิ้งงานไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เรียนรู้ที่จะ ‘รับฟัง’
15 ปีกับการรับผิดชอบธุรกิจของครอบครัว สิ่งที่ปิยะพลได้เรียนรู้คือ ธุรกิจเป็นเรื่องที่ยากมาก ไม่หมูเลย เขาได้เรียนรู้ว่าแม้กระทั่งธุรกิจซักผ้าที่มองว่ามันไม่มีอะไร แต่เป็นธุรกิจที่วุ่นวายพอสมควร ในเรื่องของการจัดการมากมายมหาศาล
ทั้งเรื่องลูกค้า คนในโรงงาน เรื่องทรัพยากรต่างๆ มากมาย ได้เรียนรู้ในการเจรจา เรียนรู้ที่จะรับฟัง หัดรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น
“แต่ก่อนผมไม่เคยฟังใครหรอก ผมคิดอะไรออกผมก็จะทำอย่างนั้นเลย ก็ส่งผลเสียมากกว่าผลดี แต่ปัจจุบันก็โอเค ส่วนธุรกิจเองก็ยังโชคดีที่ตลาดไม่ได้แข่งขันกันที่เทคโนโลยี สู้กันที่บริการความสะดวกสบาย จึงไม่แข่งกันแรงมากนัก”
ต่อยอดไปสู่ ‘ธุรกิจสะดวกซัก’
แต่ธุรกิจต้องมีการเติบโต ไม่สามารถย่ำอยู่กับที่ได้ นอกจากการขยายไปสู่การทำธุรกิจบริการแม่บ้าน และรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ที่ตกกระไดพลอยโจนทำมาจนเข้าปีที่ 10 แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ภายใต้การนำของทายาทรุ่นที่ 3 สิ่งที่ซินไฉฮั้วกำลังจะขยายออกไป คือเข้าสู่ ‘ธุรกิจสะดวกซัก’
เดิมซินไฉฮั้วเคยมีแฟรนไชส์สาขานับร้อยแห่งทั่วกรุงเทพฯ แต่วันนี้เหลือราว 30 แห่งซึ่งเป็นของซินไฉฮั้วทั้งหมด โดยหลักๆ เป็นจุดสำหรับรับและส่งผ้าสำหรับซัก แต่ต่อไปภายในพื้นที่เดียวกันนี้จะมีธุรกิจใหม่เข้ามา คือ การนำเครื่องซักผ้า-อบผ้าหยอดเหรียญ เข้ามาตั้งด้วย
ความน่าสนใจของธุรกิจนี้อยู่ที่พฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ ที่เดี๋ยวนี้อาศัยอยู่คอนโดมิเนียมหรืออพาร์ตเมนต์ ทำให้บางครั้งไม่มีพื้นที่สำหรับตั้งเครื่องซักผ้า ตลอดจนไม่ต้องการจ่ายเงินกับเครื่องใช้ไฟฟ้าหลักหมื่นที่ไม่ค่อยใช้บ่อยมากนัก
จริงอยู่ที่ธุรกิจซักผ้าหยอดเหรียญมีมานานแล้ว แต่สิ่งที่ซินไฉฮั้วจะทำให้แตกต่างคือการมีเครื่องอบ ทำให้เมื่ออบเสร็จสามารถเก็บเข้าตู้เสื้อผ้าได้เลย นอกจากนี้ในร้านจะมีบริการผงซักฟอก และน้ำยาปรับผ้านุ่ม
ภาพ: Shutterstock
“เมื่อเทียบกับตลาดซัก อบ รีด มูลค่า 3.8 หมื่นล้านบาท จะเห็นว่าเรายังมีส่วนแบ่งน้อยมากในตลาดนี้ อีกอย่างที่เรามองคือธุรกิจสะดวกซักคืนทุนเร็ว และเป็นธุรกิจที่กำลังเติบโตตามพฤติกรรมของผู้บริโภค”
เบื้องต้นวางแผนจะเปิดทั้งหมด 12 แห่ง ในทำเลที่มีชุมชนหนาแน่น คอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ รวมไปถึงปั๊มน้ำมันก็มองไว้เช่นกัน หลังจากนั้นมองต่อยอดไปจนถึงขายแฟรนไชส์ ถึงขนาดที่ว่า อยากมีหลักพันสาขาเลยทีเดียว
ปิยะพล วางเป้าหมายรายได้ของซินไฉฮั้วจะเติบโตปีละอย่างน้อย 10-20% จากเป้าหมายรายได้ 500 ล้านบาทในปี 2562
แต่สิ่งที่ฝันไว้มากกว่านั้น คือ สักวันหนึ่ง ‘ซินไฉฮั้ว’ จะต้องทะยานสู่ตลาดหลักทรัพย์ให้ได้
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์