ในสถานการณ์วิกฤตโลกรวนที่ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวาง คนทั่วไปมักมุ่งแสวงหานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อหาทางรับมือกับปัญหาดังกล่าว โดยมิได้ตระหนักถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นหรือมรดกวัฒนธรรมในฐานะเครื่องมือที่สำคัญเพื่อลดผลกระทบที่นับวันจะทวีความรุนแรง ทั้งๆ ที่วิถีวัฒนธรรมที่ช่วยให้มนุษย์ปรับตัว มีความเป็นอยู่สอดคล้องกับธรรมชาติ น่าจะเป็นคำตอบให้กับความท้าทายในปัจจุบันได้
เพื่อสร้างความเข้าใจในบทบาทของวัฒนธรรมกับการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ สยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์และสมาคมมรดกวัฒนธรรมแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในฐานะองค์กรมิใช่ภาครัฐที่ทำงานเชิงวัฒนธรรม เข้าร่วมเป็นภาคีกับ Climate Heritage Network ผลักดันแนวคิดนี้ไปสู่นโยบายในระดับสากล ร่วมกับ Petra National Trust ในการประชุม COP28 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 12 ธันวาคมปีนี้ ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE)
ในการเข้าร่วมเป็นภาคีกับองค์กรนานาชาติ สยามสมาคมฯ และสมาคมมรดกวัฒนธรรมแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รับเป็นประธานร่วม โดยทำหน้าที่ดังนี้
- ให้การสนับสนุนด้านข้อมูลและประสานงาน ให้หน่วยงานภาครัฐของประเทศไทยได้เตรียมตัวมีส่วนร่วมสนับสนุนและตอบรับการใช้วัฒนธรรม เป็นเครื่องมือสำหรับรับมือกับปัญหาวิกฤตสภาพภูมิอากาศในระดับนโยบายของชาติในอนาคตอันใกล้นี้
- สนับสนุนการสร้างเครือข่ายภาคประชาสังคมทางด้านศิลปะวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ ได้เข้ามาเป็นแนวร่วมเพื่อส่งเสริมให้วัฒนธรรมเป็นหัวใจสำคัญในนโยบาย เพื่อการรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ
- จัดกิจกรรมคู่ขนาน 6 รายการ ใน COP28 ที่นครดูไบ โดยกิจกรรมจะมีกระจายอยู่ใน Blue Zone และ Green Zone ได้แก่ ใน UNFCCC Zone, Thailand Pavilion, Indonesian Pavilion และใน UNESCO Greening Education Hub
ในการจัดกิจกรรมคู่ขนานดังกล่าว สยามสมาคมฯ และสมาคมมรดกวัฒนธรรมแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระดมทุนจากบรรดาสมาชิก และ Crowdfunding เพื่อสรรหางบประมาณให้เยาวชนไทย ลาว เวียดนาม และฟิลิปปินส์ รวมทั้งนักวิชาการไทยอีก 2 คน รวม 7 คน ได้ร่วมเสนอแนวคิดการใช้ภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เพื่อรับมือวิกฤตโลกร้อนในหลายเวทีเสวนาครั้งนี้ด้วย
เมษ์-สุพิชชา สุทธานนท์กุล หนึ่งในสองเยาวชนไทยที่จะเป็นตัวแทนไปร่วมเวทีเสวนาที่ COP28 แสดงความเห็นต่อการไปเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ว่า
“การสื่อสารเรื่องมรดกวัฒนธรรมที่ผูกโยงกับเรื่องสำคัญอย่างภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องที่รอไม่ได้ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมรดกธรรมชาติและวัฒนธรรมควรเข้าถึงทุกคน เพราะความไม่เข้าใจนำไปสู่การพัฒนาแบบไม่ยั่งยืนที่ทำให้เกิดผลเสียต่อโลกแบบที่เป็นอยู่ มรดกทางวัฒนธรรมสะท้อนความรู้ความเข้าใจในการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างสมดุลของผู้คนในอดีต สิ่งนี้ทำให้เราเข้าใจรากฐานของพื้นที่ที่เราอาศัยอยู่อย่างลึกซึ้งมากขึ้น เมษ์เชื่อว่าเป็นความรับผิดชอบสำคัญของทุกคนที่จะถอดรหัสและทำความเข้าใจมรดกของเรา เพื่อส่งต่อคุณค่าเหล่านี้ต่อไปในการพัฒนาอย่างยั่งยืน พัฒนาโดยไม่ขัดแย้งหรือฝืนธรรมชาติ ซึ่งเป็นเหตุให้โลกเกิดปัญหาจากความเสื่อมถอยที่มาจากการอนุรักษ์และพัฒนาที่ไม่ไปด้วยกัน”
โดยหัวข้อที่สุพิชชาจะร่วมเสวนา ได้แก่ ‘แปลไม่ได้ไปไม่เป็น: อุปสรรคทางภาษาในการสื่อสารเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ’ รวมทั้งเป็นผู้ดำเนินรายการ หัวข้อ ‘สภาพอากาศและวัฒนธรรมเมือง: มุมมองจากเอเชีย’
การเข้าร่วมใน COP28 ปีนี้ของสยามสมาคมฯ และสมาคมมรดกวัฒนธรรมแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้มีความริเริ่มเรียกร้องสิ่งที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ได้แก่ การผนวกวัฒนธรรมในนโยบายของปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศ ซึ่งต่อยอดจากงานสัมมนาในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หัวข้อ ‘Cultural Wisdom for Climate Action: The Southeast Asian Contribution’ ที่สององค์กรร่วมกันจัดขึ้นเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เป็นการเปิดบทสนทนาใหม่ๆ โดยผู้ร่วมงานครั้งนั้นประกอบด้วย เยาวชนจากทุกประเทศในอาเซียนและนักวิชาการสาขาต่างๆ ทำการแลกเปลี่ยนความคิดอย่างกว้างขวาง และพบว่ามีตัวอย่างมากมายที่ทำให้ตระหนักว่าเราไม่ควรมองข้ามภูมิปัญญาวัฒนธรรมในการจัดการกับวิกฤตโลกร้อน