สยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำของไทย และผู้อยู่เบื้องหลังโครงการระดับโลกอย่าง สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และไอคอนสยาม เดินหน้าสู่การเป็นผู้นำค้าปลีกยุคใหม่อย่างเต็มตัว ด้วยการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ขับเคลื่อนองค์กรอย่างเป็นระบบ ตั้งเป้าสร้างประสบการณ์ลูกค้าแบบเฉพาะบุคคลขั้นสูง (Hyper Personalization) ควบคู่กับการยกระดับความเป็นเลิศด้านการดำเนินงาน (Operation Excellence)
เบื้องหลังการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่คือการเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Digital Ecosystem โดยเฉพาะการประยุกต์ใช้ Generative AI กับกระบวนการต่าง ๆ ตั้งแต่ Customer Experience (CX), Data Management, Process Automation, IT Infrastructure จนถึงการพัฒนา Mobile Application แบบครบวงจร
ในปีนี้ สยามพิวรรธน์ได้ร่วมมือกับ Amity เปิดตัว “AI Customer Service Kiosk” ที่สยามพารากอนและไอคอนสยาม เพื่อให้บริการข้อมูลร้านค้าและสิ่งอำนวยความสะดวกด้วยระบบหลายภาษาแบบเรียลไทม์ เฟสแรกเริ่มด้วย ภาษาไทย อังกฤษ และจีน และในเฟสต่อไปจะเพิ่ม ภาษาเกาหลี ญี่ปุ่น รัสเซีย และอาหรับ นอกจากนี้ ยังมีการใช้งานอุปกรณ์แปลภาษา AI แบบเรียลไทม์เพื่อยกระดับการสื่อสารกับนักท่องเที่ยวให้ไร้รอยต่อ ตอบโจทย์ลูกค้าต่างชาติแบบตรงใจ
สำหรับแพลตฟอร์มหลักอย่าง ONESIAM SuperApp ก็ถูกพัฒนาให้ล้ำหน้าด้วย AI เช่นกัน โดยเพิ่มระบบแนะนำสิทธิประโยชน์และสินค้าที่สอดคล้องกับความสนใจเฉพาะบุคคล พร้อมยกระดับฟีเจอร์:
- Snap & Collect: ถ่ายใบเสร็จผ่านแอปพลิเคชัน เพื่อสะสมยอดใช้จ่ายและรับสิทธิ์รักษาสถานะสมาชิก
- E-Parking Stamp: ถ่ายรูปใบเสร็จเพื่อแสตมป์บัตรจอดรถได้เลยจากมือถือ ไม่ต้องต่อคิวที่เคาน์เตอร์บริการ
ยิ่งไปกว่านั้นสยามพิวรรธน์ยังจัดตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญด้าน AI โดยเฉพาะ ทำหน้าที่ดูแลพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ รวมถึงเป็นศูนย์กลางฝึกอบรมและถ่ายทอดความรู้ให้กับพนักงานทั่วองค์กร และนำ Microsoft CoPilot มาใช้กับพนักงานทั่วองค์กร ช่วยให้ทุกทีมทำงานได้คล่องตัวขึ้น ทั้งด้านการเขียน การวิเคราะห์ และการจัดการเอกสาร
อีกทั้งยังร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับพาร์ตเนอร์ระดับโลก เช่น Google Cloud และสตาร์ทอัพด้าน AI เพื่อเสริมความเร็วและความยืดหยุ่นในการนำนวัตกรรมใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
ด้านงานด้านบัญชีและการเงินก็ได้รับการยกระดับด้วย AI โดยเฉพาะกระบวนการทำจ่าย (Account Payable) ที่ระบบสามารถจับคู่ใบสั่งซื้อและใบแจ้งหนี้ และสร้างรายการจ่ายเงินเข้าสู่ระบบ SAP ได้โดยอัตโนมัติ ช่วยลดเวลาการทำงานซ้ำซ้อน และลดความผิดพลาดจากการป้อนข้อมูลด้วยมือ
มากไปกว่านั้น สยามพิวรรธน์ยังอัปเกรด Data Platform ให้ทันสมัยและประมวลผลได้เร็วขึ้น เพื่อรองรับการวิเคราะห์ข้อมูลในทุกมิติ ทั้งพฤติกรรมผู้บริโภค ร้านค้าผู้เช่า และพันธมิตรทางธุรกิจ
ทั้งนี้ การพัฒนาเทคโนโลยี AI อย่างรอบด้านของสยามพิวรรธน์ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่ไม่ใช่แค่การนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ แต่คือการออกแบบ ‘WOW Experience’ ที่สร้างความประทับใจสูงสุดให้กับลูกค้า พร้อมมีบทบาทในการกำหนดทิศทางอนาคตของการสร้างประสบการณ์ในจุดหมายปลายทางที่ชาญฉลาดและมุ่งเน้นผู้บริโภคในระดับโลก