ชื่อของ ‘สยามไบโอไซเอนซ์’ เป็นที่รู้จักของคนไทยขึ้นมาเมื่อมีข่าวว่า ในเดือนตุลาคม 2563 AstraZeneca หนึ่งในผู้พัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด กระทรวงสาธารณสุข เอสซีจี และสยามไบโอไซเอนซ์ ได้ร่วมกันลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงในการผลิตและจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด เพื่อให้ประเทศไทยและประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถเข้าถึงวัคซีนป้องกันโควิดได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมโดยเร็ว
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ‘บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด’ (Siam Bioscience) จดทะเบียนก่อตั้งเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2552 ด้วยทุนจดทะเบียน 4.8 พันล้านบาท โดยระบุประเภทของธุรกิจว่า การวิจัยและพัฒนาเชิงทดลองด้านเทคโนโลยีชีวภาพ และจดวัตถุประสงค์ว่า ประกอบกิจการรับจ้าง ทำการวิจัย วิเคราะห์ ตรวจสอบทดสอบและพัฒนายารักษาและป้องกันสำหรับคนหรือสัตว์ สารเคมีที่ใช้ในทางเภสัชกรรม ยาชีวภาพ โปรตีนเพื่อการบำบัด เครื่องมือแพทย์ รวมถึงนำเข้า-ส่งออก
สำหรับผลประกอบการพบว่า ช่วงปี 2559-2562 ขาดทุนมาตลอด เพิ่งทำกำไรได้ในปี 2563 นี้เอง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่มี ‘กำไร’
รายได้และกำไร บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด
- ปี 2559 รายได้รวม 24 ล้านบาท ขาดทุน 79 ล้านบาท
- ปี 2560 รายได้รวม 83 ล้านบาท ขาดทุน 114 ล้านบาท
- ปี 2561 รายได้รวม 117 ล้านบาท ขาดทุน 77 ล้านบาท
- ปี 2562 รายได้รวม 158 ล้านบาท ขาดทุน 70 ล้านบาท
- ปี 2563 รายได้รวม 302 ล้านบาท กำไร 36 ล้านบาท
สำหรับเครือสยามไบโอไซเอนซ์ประกอบด้วย 2 บริษัทหลัก คือ ‘บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด’ (Siam Bioscience) ดำเนินการวิจัย พัฒนา และผลิตยา เครื่องมือแพทย์ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่างๆ โดยมีการวิจัย พัฒนาและผลิตครบวงจร ตั้งแต่ตัวยาสำคัญและสารออกฤทธิ์ จนถึงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป
และ ‘บริษัท เอเพ็กซ์เซล่า จำกัด’ (Apexcela) ตั้งขึ้นในปี 2553 เพื่อดำเนินกิจกรรมทางการตลาดและการขาย ทั้งในประเทศและส่งออก รวมทั้งการพัฒนาธุรกิจสร้างเครือข่ายพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ผลิตภัณฑ์ที่ผลิต ได้แก่ ยารักษาโรคเน้นที่ยาชีววัตถุ โดยยาตัวแรกที่ออกสู่ตลาดแล้วคือ ยาเพิ่มเม็ดเลือดแดงให้กับผู้ป่วยที่มีอาการไตวาย เนื่องจากร่างกายไม่สามารถผลิตเม็ดเลือดแดงได้เอง ยาตัวที่ 2 คือ ยาเพิ่มเม็ดเลือดขาว ให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด
ในปี 2560 เครือสยามไบโอไซเอนซ์ จึงได้จัดตั้งบริษัทลูกขึ้นอีก 2 บริษัท เพื่อต่อยอดธุรกิจคือ บริษัท เอบินิส จำกัด (Abinis) โดยจะเน้นไปที่ยาบำบัดรักษาโรคมะเร็ง โรคไต และโรคแพ้ภูมิตนเอง เพื่อต่อยอดการผลิตยาชีววัตถุอย่างครบวงจร
และ ‘บริษัท อินโนไบโอคอสเมด จำกัด’ (Inno-Biocosmed) ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ชีวเวชสำอาง ประกอบด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและเส้นผม และผลิตภัณฑ์ดูแลแผล โดยจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกในชื่อแบรนด์ Ardermis และ Uderma