ความคืบหน้าจากกรณี คนร้ายไม่น้อยกว่า 30-40 คน ใช้อาวุธสงคราม ทั้งอาก้า เอ็ม 16 ลูกซอง และปืนพกสั้น บุกยิงถล่มจุดตรวจ ชรบ.บ้านทางลุ่ม บ้านย้อยของบ้านทุ่งสะเดา หมู่ที่ 5 ตำบลลำพะยา อำเภอเมืองยะลา จนเป็นเหตุให้ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) อาสารักษาหมู่บ้าน (อรบ.) และประธาน อบต. เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 11 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก 4 ราย รวมทั้งสิ้น 15 ราย และบาดเจ็บอีก 5 ราย เหตุเกิดเมื่อเวลา 22.15 น. เมื่อคืนวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน กำลังทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ได้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ หลังจากนั้น พล.ต.ต. ปราบพาล มีมงคล ผบก.ภ.จว.ยะลา, ชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา, พล.ต. อาคม พงศ์พรหม ผบ.ฉก.ยะลา ได้เข้าไปยังจุดเกิดเหตุ เพื่อไปให้ขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน
ในเวลาต่อมา พล.ท. พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เดินทางเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และดูการปฏิบัติของชุดอีโอดี และตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุระหว่างทาง บริเวณเส้นทางสายลำพะยา-ลำใหม่ บ้านปอเยาะ หมู่ที่ 4 ตำบลลำใหม่ พบวัตถุต้องสงสัยที่คนร้ายลอบวางไว้ริมถนน ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดศรศึก-ศรชัย ได้ยิงทำลายวัตถุดังกล่าว พบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่อง บรรจุในกล่องเหล็กขนาดกว้าง 12 นิ้ว สูง 10 นิ้ว รอบกล่องเชื่อมด้วยเหล็กเส้นเป็นจำนวนมาก ข้างในบรรจุดินระเบิดและวงจรไฟฟ้า จุดชนวนด้วยแบตเตอรี่ ลากสายยาวประมาณ 200 กว่าเมตรเข้าไปยังทุ่งนา
พล.ท. พรศักดิ์ กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า การที่มีกลุ่มคนบางคนต้องการยกเลิกกฎหมายพิเศษในพื้นที่ และมีการเรียกร้องให้กับผู้ก่อเหตุที่เสียชีวิต ในขณะที่การบังคับใช้กฎหมายพิเศษ จะร่วมกับผู้นำในพื้นที่ทุกครั้งที่บังคับใช้ ไม่มีทหารเข้าไปทำโดยโดดเดี่ยว จะมีผู้นำในตำบลและหมู่บ้านเข้าไปร่วมทุกครั้งโดยตลอด
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ พล.ท. พรศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดการสูญเสียกับพลเรือน ภาคประชาชน ที่มีความรุนแรงมากที่สุดในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา
“จะไปก่อเหตุกับเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งมีความเข้มแข็ง ทำได้ยากขึ้น ยิงเข้ามา ทหารก็ยิงสวนออกไป” พล.ท. พรศักดิ์ กล่าว
ส่วนจุดที่เกิดเหตุ พล.ท. พรศักดิ์ กล่าวว่า ต่อไปต้องปรับยุทธศาสตร์ใหม่เป็นจรยุทธ์แล้ว ต่อไปภาคประชาชนต้องเตรียมพร้อมอยู่รักษาความปลอดภัยในบ้านของตน ไม่ใช่มานอนรวมรอเพื่อเป็นเป้าอย่างนี้อีกแล้ว
ด้าน เจษฎา จิตรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางจังหวัดยะลาได้หารือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือเยียวทายาทของผู้เสียชีวิต ว่าได้มอบอำนาจให้ใครเป็นผู้รับมรดกการเยียวยาในครั้งนี้ โดยในเบื้องต้นจะได้รับตามสิทธิของระเบียบทางราชการคนละ 5 แสนบาท
ด้าน ทะนง ไหมเหลือง นายก อบต.ลำพะยา เปิดเผยว่า ตนเองพร้อมผู้เสียชีวิตได้มาร่วมประชุมหารือมาตรการการดูแลความปลอดภัยตำบลหมู่บ้าน โดยมีเจ้าหน้าที่ ชรบ. อรบ. ประธานสภา อบต. อดีตกำนัน และชาวบ้านที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก่อนเกิดเหตุ ตนเองได้ขออนุญาตกลับไปทำธุระในหมู่บ้าน ทำให้ตนเองรอดตายอย่างหวุดหวิด
ทะนงบอกต่อไปว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในหมู่บ้านของตนนั้นไม่ค่อยเกิดเหตุบ่อยมากนัก แต่เมื่อเกิดทุกครั้งจะมีความรุนแรง ตั้งแต่เริ่มเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ ปี 2547 เกิดเหตุกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเข้ามาก่อเหตุตัดคอชาวบ้าน 1 ศพ และเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา คนร้ายได้บุกยิงป้อมยามจุดตรวจบ้านต้นชด เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทำให้เจ้าหน้าที่ อส. และ ชรบ. เสียชีวิต 2 ศพ
ส่วนเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้น ทะนงมองว่าทางชาวบ้านไม่ได้มีความประมาท แต่ต้องยอมรับว่าการมาอยู่ป้อมยามนั้น มาอยู่เพื่อให้คนร้ายมายิงเท่านั้น เราจะยิงเขาเราก็ไม่รู้เป้า
“ตนเคยพูดเสมอว่า เรามาอยู่เพื่อให้เพื่อนมายิง เพราะชาวบ้านอยู่กันตามปกติ ไม่มีใครรู้มาก่อนว่าจะเกิดเหตุกับตัว ซึ่งก่อนหน้าทางราชการแจ้งเตือนล่วงหน้าแล้ว แต่ชาวบ้านเคยชินกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่แล้ว” ทะนงกล่าวในที่สุด
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
