ญี่ปุ่น คือจุดหมายปลายทางแทบจะตลอดกาลของนักท่องเที่ยวชาวไทย เมืองยอดนิยมแทบทุกเมืองถูกพูดถึงผ่านการบอกเล่าและรูปถ่ายมากมาย ไม่ว่าจะมหานครอย่างโตเกียว โอซาก้า ฮอกไกโด ฯลฯ ที่พาเราไปสัมผัสความสนุก น่ารัก ละมุนละไม หรือความตื่นตาตื่นใจจากญี่ปุ่นในแทบทุกอารมณ์
ดินแดนภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง
วันนี้เราจะพาคุณไปสัมผัสกับอีกความละมุนของญี่ปุ่น ที่ซ่อนตัวแต่เบ่งบานรอรับการไปเยือนอย่าง ‘เมืองชิซึโอกะ’ ชิซึโอกะอยู่บริเวณตอนกลางของญี่ปุ่น ภูมิศาสตร์ของดินแดนแถบนี้มีแม่น้ำหลายสายพาดผ่าน ฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ จังหวัดแห่งนี้ยังเป็นมิตรกับธรรมชาติ โดยเป็นอีกหนึ่งพิกัดที่ชาวโลกจะเดินทางมาทักทายกับฟูจิซัง ที่เผยโฉมให้เห็นชัดๆ อยู่บ่อยครั้ง
สมบัติอาหารอันมีค่า
อีกทั้งยังมีทะเลสาบที่สำคัญ อย่างทะเลสาบฮามานะ คอยหล่อเลี้ยงชีวิตผู้คน และตอนนี้ทะเลสาบก็มีอีกหนึ่งหน้าที่คือ ต้อนรับนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนชิซึโอกะด้วยนั่นเอง ทะเลสาบฮามานะได้ชื่อว่าเป็นทะเลที่มีปลาไหลชุกชุมอีกแห่งหนึ่ง และเป็นที่รวมของสิ่งมีชีวิตหลากหลาย เป็นทะเลสาบที่ได้ชื่อว่า ‘สมบัติอาหารอันมีค่า’ เพราะผู้ที่มาตกปลาหรือตกสิ่งมีชีวิตใดๆ มักจะได้เหยื่อโอชะติดไม้ติดมือกลับไปด้วยตลอด โดยเฉพาะกับปลาไหลที่มีมาก และเป็นที่มาของเมนู ‘ข้าวหน้าปลาไหล’ ที่มีธรรมเนียมการรับประทานค่อนข้างแตกต่าง คือใส่เครื่อง ไม่ใส่เครื่อง ใส่เครื่องพร้อมซุป หรือจะเลือกรับประทานตามใจฉันก็ย่อมได้ ทั้งคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวต่างก็ติดใจในรสชาติ
ดินแดนแห่งความสมบูรณ์
ด้วยความที่ชิซึโอกะอยู่ในพื้นที่อุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยแร่ธาตุ จึงนับเป็นดินแดนไร่ชา เพราะภูมิอากาศดีงามกับการเจริญเติบโตของต้นชา นี่คือเหตุผลหลักว่าเพราะเหตุใดที่นี่จึงเป็นทำเลทองของการปลูกชา และปลูกกันมาหลายชั่วอายุคน ตั้งแต่ยุคคามาคุระเป็นต้นมาจวบจนปัจจุบัน มีเมืองเอกแห่งชาเขียวคือ เมืองนิฮอนไดระ ซึ่งเป็นพิกัดแห่งผืนพรมชาเขียวที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น ชาเขียวจึงฝังอยู่ในรากลึกของวิถีชีวิตผู้คนในท้องถิ่นนี้ราวกับถูกเชื่อมจนเป็นจิตวิญญาณของทุกคน พวกเขายกให้ชาเขียวเป็นมากกว่าชา แต่เป็นวัฒนธรรม งานศิลปะ และชีวิต ที่น่าเลื่อมใสคือการเดินทางของชาเขียวทุกกระบวนการ ถูกเก็บรักษาร่องรอยไว้อย่างดีจากรุ่นสู่รุ่น กลั่นกรองออกมาเป็นชาเขียวคุณภาพสูงราวกับงานศิลปะ ในขณะเดียวกันก็ไม่ปิดกั้นโลกยุคปัจจุบันและความคิดสร้างสรรค์ เราจึงได้เห็นการดัดแปลงชาเขียวไปทำเป็นเมนูอาหาร อย่าง ไอศกรีม คุกกี้ ขนมหวาน หรือแม้กระทั่งเครื่องดื่มสำเร็จรูปต่างๆ
ความละมุนจากกลิ่นชา
หากได้ลองสัมผัสกับชาวชิซึโอกะ จะเข้าใจได้โดยปริยายถึงที่มาของชาคุณภาพสูง กลิ่นหอม รสชาติยอดเยี่ยม เพราะพวกเขานอบน้อมกับธรรมชาติ สำหรับชาเขียวนั้น พวกเขาใช้หัวใจปลูก พิถีพิถัน ประคบประหงมต้นชาราวกับเป็นคนในครอบครัว ยามหนาวมากๆ ก็ห่มผ้าในรูปตาข่ายเนื้อหนาเพื่อปกป้องต้นชา และให้กินอาหารดีๆ อย่างปุ๋ยธรรมชาติ การเห็นกิ้งกือไส้เดือนชอนไชในดินปลูกจึงเป็นเรื่องปกติ แต่กว่าจะได้ดื่มชารสดีๆ นั้น ยังต้องผ่านอีกหลายกระบวนการ ตั้งแต่การเด็ดยอดชามาคัดแยก นำไปคั่วร้อน ใส่น้ำร้อนชิมรสชาติ นอกจากนี้วิธีการชงให้เรียกรสชาติของชาออกมามากที่สุดก็เป็นอีกหนึ่งศิลปะที่คนญี่ปุ่นยกให้เป็นระดับพิธีกรรม เรียกว่า ‘ชาโนยุ’ หรือ ‘ชาโดะ’ มีความลุ่มลึกและน่าใหลหลง หากได้มาเยือนเมื่อไร ควรลองดื่มให้ได้สักครั้ง เพื่อให้ได้รู้จักชาเขียวอย่างถ่องแท้
คิดถึงมารุโกะ
ตบท้ายด้วยสิ่งที่มนุษย์สร้าง ที่ช่วยผลักดันให้จังหวัดชิซึโอกะเป็นที่รู้จักในหลายๆ ประเทศ ถ้าหากคุมะมงเป็นทูตของเมืองคุมาโมโตะ มารุโกะจังก็คงเป็นทูตผู้น่ารักประจำเมืองชิซึโอกะ โดยคาแรกเตอร์การ์ตูนสาวน้อยผมบ๊อบม้าเต่อนี้ เธอเป็นชาวจังหวัดชิซึโอกะโดยกำเนิด ตามที่ผู้เขียนคือ โมโมโกะ ซากุระ ได้จรดปากกาบอกไว้ (ผู้แต่งเองก็เป็นชาวเมืองนี้ด้วยเช่นกัน) แถมเรื่องราวทั้งหมดในการ์ตูนยังมีฉากหลังเป็นเมืองชิซึโอกะแห่งนี้ การจัดตั้งพิพิธภัณฑ์มารุกะ หรือพิพิธภัณฑ์ Chibi Maruko-Chan (ที่แปลเป็นไทยว่า ‘มารุโกะจอมกวน’) ภายในห้าง S-Pulse Dream Plaza จึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผล ตามขนบคนรักคาร์แรกเตอร์การ์ตูนอย่างคนญี่ปุ่น ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็ได้ชูคอนเทนต์เด่นคอนเทนต์เดียวคือทุกสิ่งที่เกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องมารุโกะ ไม่ว่าจะเป็นฉากต่างๆ ในการ์ตูน การดำเนินเรื่องราวและจัดวางแบบการ์ตูน เกร็ดประวัติความรู้ต่างๆ คาเฟ่มารุโกะ ฯลฯ ทำให้รู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่ในโลกของมารุโกะจริงๆ
นี่เป็นเสน่ห์อันน่ารักและประเมินค่าไม่ได้ของจังหวัดชิซึโอกะ จังหวัดที่สงบแต่เคลื่อนไหวเป็นจังหวะ และพลอยให้เราอยากเคลื่อนตัวเข้าหาไปดื่มชาเขียวอุ่นๆ ให้ฟินอารมณ์สักแก้วสองแก้ว