จนถึงวันนี้มีสมาชิกในตระกูลชินวัตรก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว 3 คน นั่นคือ ทักษิณ ชินวัตร นายกฯ คนที่ 23, สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ คนที่ 26 และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ คนที่ 28 อีกหนึ่งคนนอกตระกูลคือ สมัคร สุนทรเวช นายกฯ คนที่ 25
2 คนสิ้นอำนาจเพราะโดนรัฐประหารในปี 2549 และ 2557 อีก 2 คนสิ้นอำนาจเพราะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
พรรคการเมืองที่ก่อตั้งโดยคนสกุลชินวัตร ทั้งพรรคไทยรักไทย ต่อเนื่องโดยสมาชิกในตระกูลชินวัตร มาที่พรรคพลังประชาชน และพรรคไทยรักษาชาติถูกสั่งยุบพรรค คดีความต่างๆ ที่ฟ้องร้องต่อ 2 อดีตนายกฯ และสมาชิกคนอื่นๆ ในตระกูลยังนับเวลาต่อไป เช่นเดียวกับคำขออนุญาตกลับประเทศไทยที่ทักษิณกล่าวซ้ำๆ ทว่ายังไม่ได้รับการตอบสนอง
ในการเลือกตั้งปี 2566 ทักษิณส่ง ‘แพทองธาร ชินวัตร’ ดวงใจของครอบครัว เดินสายขายแบรนด์ชินวัตร เรียกคะแนนนิยมทั่วประเทศ จนถึงขนาดเคยขึ้นเป็นอันดับ 1 ในทุกโพลที่คนไทยอยากเห็นเป็นนายกฯ
เมื่อฤดูเลือกตั้งแต่ละครั้งมาเยือน คนแดนไกลมักส่งเสียงข้ามขอบฟ้ามาถึง ทว่าสมาชิกตระกูลชินวัตรอีกอย่างน้อย 10 คนที่เท้ายังเหยียบในแผ่นดินไทย จำต้องแบ่งงานกันทำ รวมใจเป็นหนึ่ง เพื่อหวังชิงอำนาจรัฐ
ทักษิณ-แพทองธาร-ปิฎก
ทักษิณรีแบรนด์ตัวเองรับการเลือกตั้งปี 2566 เปลี่ยนชื่อเรียกตัวเองใหม่จากทักษิณ เป็น Tony Woodsome เขาเกิดใหม่ครั้งแรกที่ Clubhouse ก่อนพัฒนาเป็นรายการ CareTalk กับพี่โทนี่ทุกคืนวันอังคาร นั่นทำให้พี่โทนี่ได้มีโอกาสเล่าความสำเร็จยุคไทยรักไทย และนำเสนอวิสัยทัศน์หวังโน้มน้าวคนรุ่นใหม่ ชิงส่วนแบ่งคะแนนเสียงกับพรรคก้าวไกล
ผลผลิตจากการรีแบรนด์คือหนังสือ Thaksin Shinawatra Theory and Thought นำเสนอถึงมรดกที่ทักษิณคิดและทำให้กับประเทศไทย พร้อมสื่อสารความในใจรับการเลือกตั้งที่ใกล้มาถึง
หนึ่งในสารนั้นคือ “ผมสั่งครอบครัวแล้ว ตายไม่เผา ให้เก็บร่างไว้ ไม่ให้เผา นี่คือสิ่งที่ผมต้องการให้การต่อสู้ของผม ให้ชีวิตผมมันเป็นอมตะของครอบครัว”
ทักษิณยังเล่าถึงแพทองธาร ลูกสาวที่เขาเคาะส่งมานำทัพเลือกตั้งปี 2566 ว่า “ผมคิดว่าเขาเป็นคนที่ซึมซับจากผมเยอะ”
วันที่แพทองธารขึ้นปราศรัยครั้งแรกในวันที่ 29 ตุลาคม 2564 ที่จังหวัดขอนแก่น ทักษิณบอกว่าเห็นตัวเองในตัวแพทองธาร “ชัดเลย ผมสะอึกในคอเลย ภูมิใจ แล้วก็ต้องยอมรับว่าอิ๊งค์เขาได้ดีเอ็นเอผมกับแม่ เขาเข้มแข็งเหมือนแม่ และเป็นคนมีความเป็นผู้นำ มีความกล้า”
ปลายเดือนตุลาคม 2564 แพทองธารรับตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม ให้หลังจากนั้นอีก 5 เดือน ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นั่นคือจุดเริ่มต้นของการปูทางสู่ตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค
แพทองธารอุ้มท้องปราศรัยต่อเนื่องหลายสิบจังหวัด หลายสิบเวที โดยมี ปิฎก สุขสวัสดิ์ ติดตามอยู่ไม่ห่าง ปิฎกไม่ได้นั่งติดกับแพทองธารบนเวที เขาเลี่ยงที่จะปรากฏตัวออกสื่อ แต่ที่ข้างและหลังเวที ปิฎกยืนอยู่ตรงนั้นเสมอเพื่อเป็นกำลังใจให้ภรรยา
ในการแถลงข่าวหลังคลอดลูก ปิฎกเผยความในใจถึงบทบาทเคียงข้างแคนดิเดตนายกฯ ว่า “อยู่ข้างๆ ครับ…เมื่อไรที่เขาหันกลับมาก็ให้รู้ว่ายังมีผมและครอบครัวที่สนับสนุนเขา”
ความนิยมของหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยเพิ่มสูงเป็นลำดับจนขึ้นเป็นที่ 1 ของทุกโพลเลือกตั้งที่คนไทยอยากเห็นเป็นนายกฯ ก่อนที่กระแส ‘พิธาฟีเวอร์’ จะทำให้คะแนนนิยมของแพทองธารลดต่ำลงเป็นอันดับ 2 อันเป็นผลจากหลายปัจจัย ทั้งการไม่ประกาศจุดยืนทางการเมืองให้ชัดเจนแต่ต้น การหายหน้าไปจากมวลชน และการไม่ขึ้นเวทีดีเบตอย่างสม่ำเสมอ
ให้หลังจากคลอดได้เพียง 2 วัน แพทองธารตั้งโต๊ะแถลงว่าพร้อมเข้าร่วมกิจกรรมของพรรค ร่วมเวทีดีเบต และย้ำถึงจุดยืนเรื่องการจับขั้วรัฐบาลในอนาคต
เมื่อคะแนนนิยมตก พรรคเพื่อไทยเร่งแก้เกมด้วยการชูแพทองธารให้โดดเด่นอีกครั้ง หวังใช้ความเป็นชินวัตรรักษาฐานคะแนนเสียงในโค้งสุดท้าย หลังส่งบทให้เศรษฐา ทวีสิน ขึ้นเวทีปราศรัยทั่วประเทศ แต่คะแนนนิยมไม่พุ่งตามที่หวัง
ยุทธศาสตร์เร่งด่วนเริ่มจากจัดแถลงข่าวในทันทีหลังคลอด, แพร่สารคดีความยาว 18 นาที เล่าเส้นทางชีวิตจากลูกสาวคนสุดท้องของตระกูลชินวัตรถึงแคนดิเดตนายกฯ, จัดให้มดดำเปิดอกคุยกับ 2 แคนดิเดตนายกฯ โดยไลฟ์ทาง TikTok, ส่งแพทองธารกลับสู่เวทีปราศรัยที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี พร้อมกับประโยคเด็ด
“ดิฉันเคยได้ยินมานะคะว่า พรรคที่ถูกรัฐประหารมาไม่สู้เคียงข้างประชาชน ถ้าไม่สู้เคียงข้างประชาชน ดิฉันจะยืนอยู่วันนี้ ตรงนี้เหรอคะ ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่สู้เคียงข้างประชาชน ยุบไปแล้ว 2 ครั้ง จะกลับมาแบบนี้เหรอคะ”
พานทองแท้-พินทองทา-ณัฐพงศ์
เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2565 สมาชิกตระกูลชินวัตร ทั้งคุณหญิงพจมาน, พานทองแท้, พินทองทา, ณัฐพงศ์ และปิฎก 2 เขยชินวัตร ปรากฏกายพร้อมกันในงาน ‘สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ’ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีคำโปรยว่าเป็นการร่วมกิจกรรมทางการเมืองครั้งแรกของคุณหญิงพจมาน หลังร่วมงานเช่นนี้ครั้งสุดท้ายในยุคไทยรักไทย ก่อนถูกยึดอำนาจในปี 2549
สมาชิกทุกคนของตระกูลปรากฏกายพร้อมเพรียงกันเพื่อให้กำลังใจแพทองธาร ทั้งเป็นสัญลักษณ์ในการย้ำเตือนกับผู้สมัครของพรรคและผู้เลือกตั้งทั่วประเทศว่าตระกูลชินวัตรเอาจริง และหวังกับการเลือกตั้งปี 2566 ไว้สูงยิ่ง
ทั้งพานทองแท้ พินทองทา และณัฐพงศ์ ยกทีมกันเป็นแผงไปให้กำลังใจแพทองธารอีกหลายเวทีทั้งในต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ
‘พานทองแท้ ชินวัตร’ ในฐานะที่ปรึกษาศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย อยู่เคียงข้างน้องสาวในการเดินสายปราศรัยทั่วประเทศ ต่างจากปี 2562 ที่เข้าร่วมในบางเวทีปราศรัยเท่านั้น ทั้งยังเคียงข้างกับเศรษฐาในทุกเวทีของการปราศรัยโค้งสุดท้าย
ในทุกเวทีที่ไป แม้พานทองแท้ไม่ได้ร่วมปราศรัย แต่การปรากฏตัวของเขาตั้งแต่เดินเข้าสู่เวที โบกมือ ก้มรับดอกไม้ และถ่ายภาพกับประชาชน ก็เป็นสิ่งที่เพียงพอแล้ว
พานทองแท้ถูกจดจำในฐานะตัวแทนของทักษิณ การปรากฏกายของเขาช่วยย้ำเตือนถึงความทรงจำและความสำเร็จของทักษิณในการทำให้ประชาธิปไตยกินได้
เมื่อทักษิณเข้าสู่วงอำนาจประเทศไทยในช่วงกลางทศวรรษ 2530 เขาละมือจากธุรกิจโทรคมนาคม ส่งต่อให้ผู้บริหารมืออาชีพ และภรรยา จนถึงวันนี้พินทองทา ลูกสาวคนกลาง และณัฐพงศ์ ลูกเขย ขึ้นมารับบทนำในภาคธุรกิจ ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
‘ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์’ ให้กำลังใจที่หน้าเวทีแต่ไม่ขึ้นสู่เวที เขาปฏิเสธข่าวลือชัดเจนตั้งแต่ปี 2564 หลังมีกระแสข่าวเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทย ทว่าส่งน้องชาย ‘สรพันธ์ คุณากรวงศ์’ อยู่ในบัญชีรายชื่ออันดับ 68 ของพรรคเพื่อไทย
‘พินทองทา ชินวัตร’ พี่สาวที่เป็นกองหนุนที่ขยันขันแข็งที่สุดให้กับน้องสาว
ในทุกๆ วัน IG Story ของเธอจะแชร์เรื่องราวของน้องสาวพร้อมข้อความให้กำลังใจ และเมื่อน้องสาวต้องเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อขึ้นเวทีปราศรัย เธอยังรับบทเป็นพี่เลี้ยงของหลาน ‘ธิธาร’ ไปด้วย
เธอเคยเขียนความในใจถึงน้องว่า “เธอคือที่สุดจริงๆ รู้นะว่าแกร่ง แต่มันขนาดนี้เลยเหรอ พูดในฐานะคนเคยอุ้มท้องและผ่าคลอดมา กว่าจะฟื้นตัว กว่าจะเดินตัวตรงๆ ได้เนี่ย เจ็บแผลหลายวันอยู่นะ นี่เธอคือ 2 วัน…นับถือความใจเข้มแข็ง สู้ และตอบอย่างจริงใจจากใจทุกสิ่ง คือขอพูดจากใจจริงว่าพี่ทั้งปลื้มปริ่ม นับถือใจ ภูมิใจ ยินดี และเป็นห่วง มันท่วมท้นไปหมด”
ยิ่งลักษณ์-ชยิกา-เยาวเรศ
หนึ่งในกลุ่มก้อนทางการเมืองที่ใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่งในพรรคเพื่อไทยและพรั่งพร้อมด้วยอำนาจต่อรองในเวลานี้คือ คน-ทีม-เครือข่ายของอดีตนายกฯ ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ ซึ่งเริ่มก่อตัวที่พรรคไทยรักษาชาติ ก่อนทยอยกลับสู่พรรคเพื่อไทย
คนของยิ่งลักษณ์คืบคลานคุมยุทธศาสตร์การเมืองของพรรคเพื่อไทย หนึ่งในความสำเร็จคือการผลักดันเศรษฐเป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ปูทางเป็นแคนดิเดตนายกฯ
ยิ่งลักษณ์นั่งหัวโต๊ะคุมแคมเปญปั้นเศรษฐาด้วยตัวเอง โดยต่อสายตรงกับ ‘เจ๊แจ๋น-พวงเพ็ชร ชุนละเอียด’ มาดามนครบาล ผู้มากบารมีในพรรคเพื่อไทยเวลานี้ เป็นแกนนำของทีมทำงาน
ในวงนี้มีทั้งคนวงในของยิ่งลักษณ์ที่ยกขบวนจากตึกไทยคู่ฟ้า ผสมด้วยมือครีเอทีฟที่มีประสบการณ์จากหลายแคมเปญเลือกตั้ง มีจุดมุ่งหมายอยู่ที่การปั้นเศรษฐาขนานไปกับการปั้นทีมกรุงเทพฯ ให้เป็นกระแส เหมือนยุทธศาสตร์เดิมที่วางไว้ให้แพทองธารชิงฐานเสียงต่างจังหวัด ขณะที่เศรษฐาดึงดูดเสียงคนกรุงเทพฯ
‘ชยิกา วงศ์นภาจันทร์’ ลูกสาวของ ‘เยาวเรศ ชินวัตร’ เป็นหนึ่งในทีมนี้ เธอเป็นหนึ่งในสมาชิกตระกูลชินวัตร และวงในตึกไทยคู่ฟ้าในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์
ชยิกาเป็นหนึ่งในทีมเลขาของยิ่งลักษณ์ ตั้งแต่เมื่ออดีตนายกฯ นั่งแท่นเป็นซีอีโอเอไอเอส เมื่อผงาดเข้าตึกไทยคู่ฟ้า ชยิกาติดตามไปคุมเรื่องการประชาสัมพันธ์ออนไลน์ จำนวนผู้ติดตามแฟนเพจของยิ่งลักษณ์ที่ทะลุ 6 ล้านราย เป็นหนึ่งในความสำเร็จของชยิกาและทีม
ในแคมเปญปั้นเศรษฐาและอีเวนต์น้อยใหญ่ของทีมกรุงเทพฯ ชยิกาเป็นหนึ่งในทีมทำงานเบื้องหลัง โดยเฉพาะการขนทัพอินฟลูเอ็นเซอร์เข้าร่วมงาน ทั้งเพื่อสร้างกระแสในโลกออนไลน์และตอกย้ำความเป็นอันดับ 1 ของพรรคเพื่อไทยบนกระดานการเมือง พรรคที่ทุกกลุ่มก้อนเชื่อมั่นและอยากร่วมงานด้วย
หนึ่งในแขกผู้ใหญ่ที่เข้าร่วมงานต่อเนื่องพร้อมขนเพื่อนจากหลายวงการเข้าร่วมคือ เยาวเรศ ชินวัตร หนึ่งในศูนย์กลางคอนเนกชันที่เชื่อมตระกูลชินวัตรกับกลุ่มสตรี-องค์กรสตรีทั่วประเทศ ด้วยโปรไฟล์อดีตประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ คนที่ 20 และประธานสมาคมชาวเหนือแห่งประเทศไทย
สมชาย และเยาวภา วงศ์สวัสดิ์
คดีจำนำข้าวทำให้ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หรือ เจ๊แดง อดีต ส.ส. เชียงใหม่ และอดีตประธาน ส.ส. ภาคเหนือ หายหน้าหายตาไปจากวงสังคมระยะหนึ่ง แต่วันนี้เธอกลับมาย้ำสถานะ ‘เจ้าแม่วังบัวบาน’ อีกครั้ง
เปรียบกันว่า ในตระกูลชินวัตร เป็นรองเพียงทักษิณ ไม่มีใครบริหาร อ่านเกม เข้าใจหัวอกนักการเมือง-นักเลือกตั้งได้ดีเท่าเยาวภา
เธอไม่เชื่อในตำราของนักรบห้องแอร์ เธอทำการเมืองจริง สร้างคอนเนกชันจริง ต้อน ส.ส. เข้ากลุ่มจริง ขยายอิทธิพลจริง ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีจริง ถึงขนาดส่ง ‘สมชาย วงศ์สวัสดิ์’ สามี ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯ คนที่ 26 สำเร็จมาแล้ว
ในการเลือกตั้งปี 2566 สมชายออกเดินสายคู่กับเจ๊แจ๋น เปิดศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทยในเขตเลือกตั้งต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ พร้อมออกหาเสียงในเขตยุทธศาสตร์ที่อยู่ในสังกัดของเยาวภา
ขณะที่เยาวภารับผิดชอบทั้งการวางยุทธศาสตร์ระดับพื้นที่ และปิดบิ๊กดีลการเมือง ประเภทนำลูกน้องเก่าของนายใหญ่กลับสู่เพื่อไทยได้สำเร็จ
ทั้งสมชายและเยาวภากำกับเขตยุทธศาสตร์สำคัญในการเลือกตั้งครั้งนี้ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย น่าน ลำปาง ลำพูน แพร่ ปทุมธานี อุบลราชธานี ที่อุบลราชธานี คอนเนกชันของเจ๊แดงคือ ‘เกรียง กัลป์ตินันท์’ นั่นทำให้มีการเชื่อมต่อไปยังอำนาจเจริญ และยโสธร
ผลงานโดดเด่นในการเลือกตั้งคือปิดดีลตระกูล ‘จงสุทธานามณี’ ลงในเขตเลือกตั้งเชียงราย, ปิดดีลตระกูล ‘นพขำ’ ลงในเขตเลือกตั้งปทุมธานี และปิดบิ๊กดีลนำ ‘สมศักดิ์ เทพสุทิน’ และ ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ กลับสู่อ้อมกอดพรรคเพื่อไทย สร้างสุโขทัย-สามมิตรแลนด์สไลด์ ได้สำเร็จ
‘พรรณสิริ กุลนาถศิริ’ น้องสาวของสมศักดิ์-ส.ส. สุโขทัย เพิ่งปราศรัยบนเวทีว่า ถ้าสุโขทัยแลนด์สไลด์ทั้งหมด พี่ชายจะเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย
คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์
ในหนังสือ Thaksin Shinawatra Theory and Thought เมื่อถามทักษิณว่า “เวลาคุณยืนมองกระจกอยู่ คุณกำลังเห็นใคร”
ทักษิณตอบชัดเจนว่า “เห็นคุณหญิง เพราะผมสงสารคุณหญิง ผมตัดสินใจอยากกลับเมืองไทย เพราะว่าคุณหญิงรับภาระแทนผมไว้เยอะ สงสารเขา ถ้ากลับไปแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างได้กลับไปอยู่กับครอบครัวแล้ว มันก็จบทุกอย่าง”
แม้ไม่เคยปรากฏภาพหรือได้ยินเสียงอย่างเป็นทางการ ทว่าบทบาทหลังฉากการเมืองของ ‘คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์’ เป็นสิ่งที่รู้กันทั่ววงการเมือง
เปรียบได้ว่าคุณหญิงพจมานคือศูนย์กลางของถนนทุกสายในตระกูลชินวัตร ทั้งภาระในทางธุรกิจและการเมือง โดยเฉพาะนับตั้งแต่การรัฐประหารปี 2549 จนถึงปัจจุบัน
เมื่อ ‘นายใหญ่’ อยู่ต่างแดน ‘นายหญิง’ จึงต้องแบกรับ ‘ภาระ’ และเป็นที่พึ่งให้กับทุกคน
คุณหญิงพจมานนั่นเองที่เป็นลมใต้ปีกหนุนนำให้พรรคการเมืองในเครือชินวัตรคว้าชัยในการเลือกตั้งทุกครั้งไปนับตั้งแต่ปี 2544 รวมทั้งเป็น The Prime Minister-Maker มาแล้วถึง 4 คน พร้อมส่งลูกสาวแพทองธารชิงตำแหน่งนายกฯ ในการเลือกตั้งปี 2566
คำขออนุญาตกลับบ้าน
พลันที่หลานชายคนที่ 7 ลืมตาดูโลก ทักษิณทวีตทันทีว่า “ผมคงต้องขออนุญาตกลับไปเลี้ยงหลาน”
ให้หลังจากนั้นอีก 8 วัน เขาทวีตซ้ำอีกว่า “ผมขออนุญาตอีกครั้ง ผมตัดสินใจแล้วว่าจะกลับบ้านไปเลี้ยงหลานภายในเดือนกรกฎาคมนี้ก่อนวันเกิดผมครับ ขออนุญาตนะครับ” เขาย้ำอีกว่า “ทั้งหมดคือการตัดสินใจของผมเอง ด้วยความรัก ผูกพันกับครอบครัว แผ่นดินเกิด และเจ้านายของเรา”
ทักษิณเคยสรุปความเข้าใจต่ออีลิตไทยไว้อย่างน่าสนใจ “บางทีเขา Say Yes อาจจะ Means No เราไม่เข้าใจ เรา Yes คือ Yes และ No คือ No
“พอเราไปเจอ Yes แบบ Means No เราตายเลย เพราะเราไม่เคยคิด เราคิดว่าทุกคนคงเหมือนเรานะ แต่ชีวิตของคนอีลิต ยิ่งเป็นอีลิตนานๆ ยิ่งเร้นลับ ซับซ้อน อันนี้คือสิ่งที่ผมต้องเรียนรู้”
คำขออนุญาตกลับบ้านครั้งนี้จะมีผลอย่างไร จะ Yes หรือ No ผลการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผสมด้วยการตัดสินใจครั้งสำคัญเรื่องการจับขั้วทางการเมือง จะเป็นหนึ่งในเหตุผลประกอบคำขอ