วัดเส้าหลิน (Shaolin Temple) ซึ่งเป็นอารามหลวงในตำนานอายุกว่า 1,500 ปี ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ (27 ก.ค.) ที่ผ่านมาว่า ซือหย่งซิน (Shi Yongxin) เจ้าอาวาส ผู้โด่งดัง และดำรงตำแหน่งมานานหลายทศวรรษ กำลังถูกทางการสอบสวนในข้อหาฉกรรจ์ ทั้งการยักยอกทรัพย์สินและประพฤติผิดพระธรรมวินัยอย่างร้ายแรง
ตามแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ ข้อกล่าวหาต่อ ซือหย่งซิน วัย 59 ปี ประกอบด้วยการยักยอกเงินทุนและทรัพย์สินของวัด รวมถึงการละเมิดพระธรรมวินัยอย่างรุนแรงจากการมีสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมกับสตรีเพศและมีบุตรนอกสมรส
ซึ่งหลังจากนั้น สมาคมพุทธศาสนาแห่งประเทศจีนซึ่งเป็นองค์กรภายใต้การกำกับของรัฐ ก็ได้ออกมาประณามการกระทำของเขาว่า ‘เป็นการประพฤติผิดอย่างร้ายแรง’ และมีมติให้ถอดถอนสมณศักดิ์ของเขาทันที
ข่าวอื้อฉาวนี้ได้แพร่สะพัดอย่างรวดเร็วในโลกโซเชียลของจีน โดยแฮชแท็กที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวน ซือหย่งซิน บนแพลตฟอร์ม Weibo มียอดเข้าชมสูงกว่า 860 ล้านครั้งภายในเวลาไม่กี่วัน
ประชาชนจำนวนมากต่างตั้งคำถามด้วยความกังขาว่า “เมื่อ 10 ปีก่อนก็เคยมีคนร้องเรียนเขาแล้ว ใครกันที่คอยปกป้องเขาในตอนนั้น?” ซึ่งสะท้อนถึงความไม่ไว้วางใจต่อกระบวนการตรวจสอบและความเชื่อว่าอาจมีการปกปิดความผิดในอดีต
ซือหย่งซิน หรือที่สื่อท้องถิ่นขนานนามว่า ‘เจ้าอาวาส CEO’ เป็นที่รู้จักจากวิถีชีวิตที่ขัดกับหลักปฏิบัติของสงฆ์อย่างสิ้นเชิง เขามักปรากฏตัวพร้อมกับ iPhone, เดินทางด้วยรถยนต์หรู (รวมถึงเคยรับรถยนต์มูลค่ากว่า 1 ล้านหยวน หรือประมาณ 4.55 ล้านบาท จากรัฐบาลท้องถิ่น) และพบปะกับบุคคลผู้มีชื่อเสียงระดับโลก ตั้งแต่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ไปจนถึง ทิม คุก ซีอีโอของ Apple
ซือหย่งซิน เข้าสู่วัดเส้าหลินตั้งแต่ปี 1981 ขณะอายุเพียง 16 ปี ในช่วงเวลาที่วัดยังยากจนและทรุดโทรม แต่ด้วยความสามารถเชิงบริหาร เขาก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ควบคุมกิจการของวัดโดยพฤตินัยตั้งแต่อายุเพียง 22 ปี ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสอย่างเป็นทางการในปี 1999 และได้เริ่มต้นการปฏิรูปครั้งประวัติศาสตร์ที่เปลี่ยนวัดเส้าหลินไปตลอดกาล
ภายใต้การนำของ ซือหย่งซิน วัดเส้าหลินได้ถูกเปลี่ยนโฉมจากสถานปฏิบัติธรรมอันเงียบสงบให้กลายเป็นอาณาจักร ‘ธุรกิจ’ ที่มีมูลค่ามหาศาล เขาได้นำชื่อเสียงด้านกังฟูมาต่อยอดในเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งการจัดการแสดงกังฟูทั่วโลก, ขายสินค้าที่ระลึก และระดมทุนเพื่อสร้างสาขาในต่างประเทศ
โดยครั้งหนึ่งเขาเคยสร้างเสียงฮือฮาด้วยการเซ็นเช็คมูลค่า 3 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 98 ล้านบาท) เพื่อสร้างวัดเส้าหลินสาขาในประเทศออสเตรเลีย
แน่นอนว่าแนวทางดังกล่าวได้สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการทำลายรากฐานทางจิตวิญญาณของวัดเส้าหลินด้วยลัทธิทุนนิยม แต่ ซือหย่งซิน ก็ได้ออกมาปกป้องแนวทางของตนเองมาโดยตลอด
โดยให้เหตุผลว่านี่คือสิ่งจำเป็นเพื่อให้วัดสามารถอยู่รอดได้ในโลกยุคใหม่และเป็นการเผยแผ่พุทธศาสนาไปในตัว “มันไม่เพียงแต่จะช่วยส่งเสริมศาสนา แต่ยังช่วยแก้ปัญหาปากท้องของเราด้วย แล้วทำไมถึงจะไม่ชอบล่ะ?” เขาเขียนไว้ในบันทึกความทรงจำ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ซือหย่งซิน ต้องเผชิญข้อกล่าวหา ‘อื้อฉาว’ เช่นนี้ ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน เขาเคยถูกร้องเรียนในข้อหาที่คล้ายคลึงกันมาแล้ว ทั้งเรื่องการยักยอกเงิน, การมีสัมพันธ์สวาท และการมีบุตรนอกสมรส แต่ท้ายที่สุดแล้วทางการก็ได้สั่งยุติการสอบสวนไปในปี 2017 โดยให้เหตุผลว่ามีหลักฐานไม่เพียงพอ
ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าอะไรคือชนวนที่ทำให้เกิดการสอบสวนครั้งใหม่นี้ขึ้น แต่มีรายงานจากนิตยสาร Caixin ว่าทางการได้สั่งห้าม ซือหย่งซิน เดินทางออกนอกประเทศหลังจากที่เขากลับมาจากการเดินทางในต่างแดนเมื่อช่วงต้นปี ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้ามาควบคุมการบริหารจัดการภายในวัดเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งบ่งชี้ว่าการสอบสวนครั้งนี้มีความจริงจังกว่าในอดีตมาก
ภาพ: Cancan Chu/Getty Images
อ้างอิง:
- https://www.wsj.com/world/china/a-buddhist-monks-alleged-indulgence-in-money-and-sex-transfixes-china-4b8b55f4
- https://www.afr.com/world/asia/china-probes-celebrity-monk-for-embezzlement-sex-misconduct-20250728-p5migl
- https://edition.cnn.com/2025/07/28/china/china-shaolin-abbot-shi-yongxin-investigation-intl-hnk