ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น TRUE และ DTAC เช้าวันนี้ เปิดการซื้อขายในแดนบวก ตอบรับข่าวควบบริษัทและจัดตั้งบริษัทใหม่ โดยหุ้น TRUE +12.96% หุ้น DTAC +9.70% ขณะเดียวกัน หุ้น ADVANC ซึ่งอยู่ในกลุ่ม ICT เหมือนกันและเป็นผู้นำตลาดอยู่ในปัจจุบัน ก็ปรับตัวเพิ่ม +3.57%
ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ประโยชน์หลักของการควบบริษัทในครั้งนี้ คือ การลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าใช้จ่ายต่อสาขา ค่าใช้จ่ายด้านคอลเซ็นเตอร์ และงบลงทุน
โดยฝ่ายวิจัย บล.หยวนต้า มองว่า หากควบรวมบริษัทสำเร็จ จะทำให้รายได้บริษัทใหม่หลังควบรวม TRUE และ DTAC ในปี 2565 อยู่ที่ 1.4 แสนล้านบาท EBITDA จะอยู่ที่ 8.6 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิน่าจะอยู่ที่ 2.5-3 หมื่นล้านบาท และมาร์เก็ตแชร์รวมกันแล้วจะอยู่ที่ 52.9%
ขณะที่บริษัทใหม่หลังควบรวมน่าจะใช้งบลงทุนราว 3 หมื่นล้านบาทต่อปี ซึ่งลดลงจากงบลงทุนของ TRUE ที่ 3-3.5 หมื่นล้านบาท และ DTAC 1.5-2 หมื่นล้านบาท
อีกประเด็นบวกคือราคาเทนเดอร์ของทั้ง TRUE และ DTAC ที่สูงกว่าราคาในกระดาน ถือเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน ซึ่งจะเป็นบวกในระยะสั้นๆ และทำให้ TRUE และ DTAC มีเสน่ห์มากกว่า ADVANC
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าราคาหุ้น TRUE และ DTAC คงยังไม่ผ่านเทนเดอร์ เพราะปกติจะมี DISCOUNT เช่น รอประกาศทางการ ตั้งโต๊ะซื้อ ซึ่งกว่าจะแล้วเสร็จทุกขั้นตอนจะใช้เวลา 4-6 เดือนเป็นอย่างน้อย และระหว่างทางยังต้องติดตามความเห็นของ กสทช. รวมถึง กขค. ซึ่งราคาหุ้นจะตอบรับกับความคิดเห็นจากทางหน่วยงานรัฐทั้งในทางบวกและทางลบ
ด้านฝ่ายวิจัย บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า กรณีที่ TRUE และ DTAC ประกาศควบรวมกัน โดยสัดส่วนสวอปหุ้น คือ ผู้ถือหุ้น TRUE 1 หุ้นเดิม จะแปลงเป็น 2.40072 หุ้นบริษัทใหม่ ผู้ถือหุ้นDTAC 1 หุ้นเดิม จะแปลงเป็น 24.53775 หุ้น โดยบริษัทใหม่ (TRUE-DTAC) ตั้งบริษัทขึ้นมารับซื้อ (เทนเดอร์ ออฟเฟอร์) หุ้น TRUE ที่ราคา 5.09 บาท และหุ้น DTAC ที่ 47.76 บาทนั้น
ฝ่ายวิจัยประเมินผลบวกที่จะเกิดขึ้น 2 ส่วนหลัก คือ 1. ระดับบริษัท (DTAC, TRUE) จะได้ประโยชน์ในเชิงโครงสร้างที่แข็งแกร่งขึ้นทั้งมาร์เก็ตแชร์และคลื่นความถี่สั้น-กลางจะขยับเป็นเบอร์ 1 ทำให้บริษัทใหม่มีข้อได้เปรียบในการลดต้นทุนได้ง่ายขึ้น
- ระดับอุตสาหกรรม (ADVANC, DTAC, TRUE) ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดลดลง ผลักดันแนวโน้มการแข่งขันด้านราคา ทั้งการออกโปรโมชัน หรือการประมูลคลื่นในอนาคตจะลดลง ทำให้มีโอกาสสูงที่ตลาดจะให้อัปไซด์ต่อประเด็นดังกล่าว จึงมีโอกาสปรับราคาเป้าหมายของกลุ่มขึ้น โดยการขยับ EV/EBITDA ขึ้น
ดังนั้น จึงคงคำแนะนำ ‘BULLISH’ สำหรับกลุ่ม โดยยังคงเลือก ADVANC (ราคาเป้าหมาย 220 บาท และเตรียมปรับขึ้น) เป็นหุ้นเด่นกลุ่ม เพราะมองว่าจะได้อานิสงส์ทางอ้อมจากภาพรวมการแข่งขันที่มีแนวโน้มลดลง ประกอบกับทิศทางรายได้ที่อยู่ในช่วงการฟื้นตัว ทั้งจากธุรกิจมือถือ และ S-Curve ใหม่อย่าง 5G, Fibre, Enterprise and Digital Service รวมทั้งลุ้นปันผลในครึ่งปีหลัง ปี 2564 อีก 2% และเก็งกำไร TRUE (อัปไซด์จากราคาเทนเดอร์ 5.09 บาท 17.8%) DTAC (อัปไซด์จากราคาเทนเดอร์ 47.76 บาท 15.7%) ตามลำดับ
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP