“Shalalala Lala, I’mma shine!” ถึงเวลาเปล่งประกายของ แทยง NCT กับ SHALALA โซโล่มินิอัลบั้มชุดแรกที่มีกระแสตอบรับร้อนแรงสมการรอคอยของแฟนๆ ไม่ว่าจะเป็นยอดสั่งซื้ออัลบั้มล่วงหน้าทะลุ 5 แสนชุด จนทำให้เขาขึ้นแท่นเป็น Half Million Seller
และยังพาทั้งอัลบั้มและเพลงไตเติลในชื่อเดียวกันทะยานขึ้นไปครองอันดับ 1 บนชาร์ตเพลงทั่วโลก เช่น iTunes Top Songs ใน 14 ประเทศทั่วโลก, iTunes Top Albums ใน 31 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย, Worldwide iTunes Album, Digital Album Sales ของ QQ Music, Real-Time Rising ของแพลตฟอร์ม AWA ประเทศญี่ปุ่น ฯลฯ
ตั้งแต่เดบิวต์มาตลอด 7 ปี แทยงได้มีส่วนร่วมสร้างสรรค์หลายๆ ผลงาน ทั้งการแต่งเนื้อร้องและทำนอง ไม่ว่าจะเป็นเพลงของวง, เพลงโซโล่ Moonlight ในเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ต NCT 127, Long Flight และ Love Theory ของโปรเจกต์ SM STATION, เพลง LIT ที่ใช้ในการแข่งขันรายการ Street Man Fighter ฯลฯ
เมื่อมาถึงผลงานเดี่ยวของเขาเอง แทยงก็มีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนด้วยเช่นกัน โดย SHALALA นำเสนอ 6 ภาพลักษณ์ที่สื่อถึงตัวตนอันหลากหลายของเขา ได้แก่ ‘ศิลปิน’ ภาพลักษณ์ดั้งเดิมของเขา ‘นักบินอวกาศและนักดับเพลิง’ ความฝันในวัยเด็ก ‘ดอกกุหลาบ’ รูปรอยแผลเป็นตรงหางตา ‘นักบาสเกตบอล’ กีฬาที่ชอบเล่น และ ‘เด็กเนิร์ด’ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
‘เราทุกคนสามารถเปล่งประกายได้ทุกที่’ คือข้อความที่เพลงไตเติล SHALALA ต้องการสื่อสารผ่านเพลงแนวฮิปฮอปที่มีเครื่องเพอร์คัสชันเข้าจังหวะกับกลองที่หนักหน่วง พร้อมคอนเซปต์อาฟเตอร์ปาร์ตี้เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศที่ทั้งฮิปและฮอต และยังไม่ทิ้งคอนเซปต์ล้ำยุคด้วยการใส่โลกเมตาเวิร์สที่มีพระเจ้าควบคุมอยู่เข้ามาเป็นกิมมิกในเอ็มวี
สำหรับจุดเด่นของ Performance มีท่าเต้นหลักที่ทำให้นึกถึงท่าเต้น Macarena ในท่อนคอรัส และท่ามือที่สื่อถึงความเป็น SHALALA โดยได้นักออกแบบท่าเต้นระดับโลกอย่าง ริเอะ ฮาตะ รวมถึง ลีจอง จากทีม YGX มาช่วยดูแลท่าเต้นในเพลงนี้ด้วย
ก่อนหน้านี้แทยงปล่อย Track Film ที่มี ‘TY Bot’ เป็นผู้พาเข้าสู่โลกในความคิดของเขา โดยมีสองทางเลือกให้ผู้ชมกดเลือกได้เองระหว่าง Chapter T: ความเสียใจเป็นสิ่งที่เจ็บปวด สิ่งสำคัญคือเราจะเรียนรู้และเติบโตอย่างไรจากประสบการณ์อันล้ำค่าเหล่านั้น
และ Chapter Y: ความรักมีหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือความผูกพันที่ยังคงอยู่ แม้ว่าความรักจะจบลง และอีกรูปแบบคือความตื่นเต้นที่มาจากการได้เริ่มต้นรักครั้งใหม่ เหมือนการกดฟังเทปที่ได้รับเป็นของขวัญวนเป็นสิบๆ รอบก็ไม่เบื่อ
ทั้ง 7 เพลงในอัลบั้มอิงกับคอนเซปต์เหล่านี้และถ่ายทอดออกมาเป็นภาพวิชวลที่ผสมโลกความจริงกับภาพแอนิเมชัน ซึ่งเขาได้เดินทางมาถ่ายทำในประเทศไทยด้วย สำหรับ 6 เพลงที่เหลือ ได้แก่
- GWANDO (관둬) เพลงป๊อปร็อกท่วงทำนองสดใส เปิดด้วยเสียงกีตาร์ แสดงถึงความต้องการจะบอกลากับใครบางคน ปล่อยวางความรู้สึกที่ค้างคาในอดีต แล้วแยกย้ายกันเพื่อก้าวต่อไปข้างหน้า
- Move Mood Mode เพลงเดียวในอัลบั้มที่ได้ศิลปินรุ่นพี่มาร่วมฟีเจอริงอย่าง เวนดี้ วง Red Velvet เป็นดนตรีป๊อปจังหวะกลางๆ เล่าถึงความตื่นเต้นที่ได้ตกหลุมรัก และรู้สึกมีชีวิตชีวากับความรักครั้งใหม่
- Virtual Insanity เพลงฮิปฮอปสุดล้ำที่แทยงเผยความมั่นใจด้วยการจินตนาการว่าตัวเองเป็นตัวละครในโลกเสมือน และมีความสามารถแบบเดียวกันในโลกความจริง โดยเปรียบกับตัวละครจากเรื่อง Dragon Ball และ Super Grand Prix ผู้มีพละกำลังที่ไม่มีใครเทียบได้
- RUBY บรรยายความรู้สึกอันล้ำค่าที่มีให้คนรัก ซึ่งไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์แบบโรแมนติกเท่านั้น เช่นเดียวกับแทยงที่ตั้งใจส่งเพลงนี้ให้น้องหมาชื่อ ‘รูบี้’ ที่จากไปแล้ว เพลงนี้จึงเกี่ยวกับการให้คุณค่ากับทุกสิ่งที่เรารัก และส่งท้ายด้วยการฝากความปรารถนาว่าขอให้ได้พบกันอีกครั้งในชาติหน้า
- 404 File Not Found ไม่ว่าใครก็อาจจะพบข้อผิดพลาดในชีวิตได้ แต่ในเพลงนี้แทยงบอกกับผู้ฟังว่าทุกอย่างจะไม่เป็นอะไร เขาจะอยู่เคียงข้างเสมอและคอยสนับสนุนให้เราค้นหาเส้นทางของตัวเอง ต่อให้มันไม่ใช่คำตอบที่สมบูรณ์แบบก็ตาม
- Back to the Past ปิดท้ายด้วยเพลงฮิปฮอปกลิ่นอายยุค 80-90 ที่พาเดินทางกลับไปสู่อดีตของแทยง ทุกการกระทำและทุกความยากลำบากในวัยเด็ก เมื่อมองย้อนกลับไปแล้วมันคือสิ่งที่ประกอบสร้างตัวตนของเขาในวันนี้ให้เข้มแข็งขึ้น และสามารถกลายเป็นกำลังใจให้กับผู้ฟังได้เช่นกัน “So if you need help from me, Let’s go your way with me”
รับชมมิวสิกวิดีโอ SHALALA ได้ที่นี่:
ภาพ: SM Entertainment