กูรูมั่นใจตั้งรัฐบาลสำเร็จ SET ฟื้น ด้าน Yuanta มองหุ้นไทยยังไม่สิ้นเสน่ห์ โดยเฉพาะกลุ่มสิ่งแวดล้อม-สังคมผู้สูงอายุ ขณะที่ Private Bank Group ธนาคารกสิกรไทย แนะนำ 4 กลยุทธ์การลงทุนรับมือกับความผันผวน ในช่วงที่ตลาดให้ผลตอบแทนต่ำ
ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยในงาน WEALTH CLUB 2023 ครั้งที่ 2 ในหัวข้อ The Power Shift: Driving Growth in Economic Transition ว่าตั้งแต่ต้นปี (YTD) ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกมีเพียงแค่ไม่กี่ประเทศที่ค่าดัชนีติดลบ ซึ่งตลาดหุ้นไทยเป็นหนึ่งในกลุ่มนั้น
“ตลาดหุ้นไทยจะกลับมาได้ หากการจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปได้เรียบร้อย เพราะ ธรรมชาติของตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้น หากปัจจัยกดดันคลี่คลาย เพราะการเมือง ตลาดทุน และเศรษฐกิจเชื่อมโยงกันหมด ยิ่งจัดตั้งรัฐบาลได้ช้า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ก็จะช้าตามไปด้วย และตอนนี้ไทยก็ยังคงเผชิญปัญหาทั้งสังคมผู้สูงอายุ และหนี้ครัวเรือนที่สูง ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตลาดหุ้นไทยถึงปรับตัวลงมา เพราะว่าการเมืองเป็นปัจจัยที่กระทบต่อหลายภาคส่วน” ภาดลกล่าว
ทั้งนี้ อีกหนึ่งความไม่แน่นอนที่ภาดลยังจับตาดูคือ หน้าตาของฝ่ายรัฐบาล และโอกาสที่อาจเกิดความไม่สงบ ซึ่งถ้าหากรัฐบาลจัดตั้งได้สงบเรียบร้อย ภาดลคาดว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับตัวขึ้นได้ทันที
“ถ้าเราประเมินจากสถิติการเลือกตั้งที่ผ่านมา 5 ครั้งก่อน ตลาดให้ผลตอบแทนเป็นบวกกว่า 2 หลัก (Double Digit) ถึง 3 ครั้ง ส่วนอีก 2 ครั้งนั้นให้ผลตอบแทนเสมอตัว แต่ถ้าผลลัพธ์การจัดตั้งรัฐบาลออกมาผิดคาดและมีโอกาสเกิดการชุมนุม นักลงทุนก็อาจจะพิจารณารอประเมินสถานการณ์ต่อ” ภาดลกล่าว
นอกจากนี้ ภาดลยังกล่าวว่า แม้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยจะให้ผลตอบแทนต่ำเพียง 11% หรือเฉลี่ยเพียงปีละ 1% กว่าๆ เท่านั้น สอดคล้องกับกำไรต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนไทย อย่างไรก็ตาม ภาดลมองว่าตลาดหุ้นไทยยังมีเสน่ห์อยู่ เนื่องมาจาก 3 ปัจจัย ได้แก่
- สภาพคล่องหรือมูลค่าการซื้อขายยังค่อนข้างสูง
- ความผันผวนที่ต่ำ โดยจะเห็นได้ว่าค่าความผันผวนรายเดือน เฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีของ SET Index ต่ำเป็นอันดับที่ 2 ของโลก เป็นรองเพียง MSCI World เท่านั้น
- เงินปันผลที่สูง โดยจะเห็นได้ว่า Dividend Yield เฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี ตลาดหุ้นไทยจ่ายเงินปันผลเฉลี่ย 3.08% เป็นรองเพียงตลาดหุ้นฮ่องกง ซึ่งอยู่ที่ 3.43%
สำหรับภาคส่วนที่ภาดลมองเป็นโอกาส ได้แก่ 1. ภาคสิ่งแวดล้อม 2. ภาคท่องเที่ยวและสังคมผู้สูงอายุ ตัวอย่างเช่น PTT เนื่องจากมองว่าเป็นบริษัทที่ถูกมองข้ามไป หลังจากได้มีการแยกบริษัทลูกออกมา ทั้งๆ ที่ปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีโครงสร้างธุรกิจครบวงจร ทำให้กำไรมีเสถียรภาพ ฐานะการเงินมั่นคงด้วย DER ต่ำ ผู้ถือหุ้นใหญ่พร้อมสนับสนุนด้านการเงิน ทำให้หุ้นทนแรงเสียดทานจากความผันผวนได้ดี นอกจากนี้ ย้อนกลับไปในปี 2021 PTT ได้ปรับวิสัยทัศน์และกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับเมกะเทรนด์และพฤติกรรมผู้บริโภคที่กำลังเปลี่ยนไปทั่วโลก โดยมีวิสัยทัศน์ใหม่ ‘ขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยพลังแห่งอนาคต’
สุดท้ายคือ BDMS เนื่องจากกำไร 2H66 เติบโตเด่น HoH จากคนไข้ต่างชาติที่กลับมามากขึ้นทั้งกลุ่มตะวันออกกลางและจีน รวมถึงอัตรากำไรสูงขึ้นจากผลของรายได้ที่เติบโตดี รักษาโรคซับซ้อน และคนไข้ต่างชาติ นอกจากนี้ อุตสาหกรรม Medical Tourism ของไทยอยู่อันดับที่ 5 ของโลก ขณะที่ค่ารักษาพยาบาลในโรคร้ายทีมผู้ป่วยจำนวนมาก เช่น โรคหัวใจ ค่ารักษาพยาบาลในไทยถูกกว่าสหรัฐฯ เป็นอย่างมาก
รวมทั้งประเทศไทยเป็นที่นิยมสำหรับภาคการท่องเที่ยวอยู่แล้ว จึงทำให้อุตสาหกรรม Medical Tourism ของไทยเป็นหนึ่งในจุดแข็งสำคัญ และ Valuation ของ BDMS เทรดอยู่ที่ระดับ FWD PE 31.8x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 39.5x และหากไม่รวมปีที่มีผลกระทบจากโควิด FWD PE อยู่ที่ระดับ 36.5x
สำหรับหุ้นบริษัทจดทะเบียนอีกตัวที่ภาดลแนะนำ ได้แก่ BANPU เนื่องจากภาวะ El Nino เป็นปัจจัยหนุนให้ความต้องการใช้แก๊สและถ่านหินมากขึ้น นอกจากนี้ BANPU ยังเป็นหนึ่งในผู้นำเทคโนโลยีการดักจับคาร์บอนในประเทศไทย และมีการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ และการดำเนินธุรกิจ CCS จะช่วยให้โรงไฟฟ้าของ BANPU ได้เปรียบในการแข่งขันกับโรงไฟฟ้าอื่นๆ ท่ามกลางสัดส่วนรายได้จากถ่านหินจะลดลงต่อเนื่อง จากการดำเนินนโยบาย Greener & Smarter
ธนาคารกสิกรไทย แนะนำ 4 กลยุทธ์รับมือความผันผวน
ขณะที่ จิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Executive Chairman, Private Bank Group ธนาคารกสิกรไทย แนะนำ 4 กลยุทธ์การลงทุนในการรับมือกับความผันผวน ในช่วงที่ตลาดให้ผลตอบแทนต่ำ ได้แก่
- การมองหาแนวรุกใหม่ (Find New Territories) ตัวอย่างเช่น การลงทุนในภาคส่วนดิจิทัล เครื่องจักรอัจฉริยะ เชื้อเพลิงสะอาด เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ และเศรษฐกิจสัตว์เลี้ยง (Pet Economy)
- ทดลองหาสินทรัพย์ใหม่ (Explore other Asset Classes) รวมไปถึงการลงทุนในหุ้นนอกตลาด ตัวอย่างเช่น SpaceX ซึ่งเป็นบริษัทด้านอวกาศ, Luminous ผู้พัฒนา Optical Microchip และ FITURE ผู้ผลิตเครื่องออกกำลังกายเพื่อสุขภาพในที่ร่ม ซึ่งเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและตอบโต้กับผู้ใช้ได้ในจีน
- เพิ่มกลยุทธ์การลงทุน (Try Alternative Strategies) เช่น การใช้กลยุทธ์ Short Sell สลับ Long Sell และกลยุทธ์ High Frequency Trading เป็นต้น
- เลือกวิธีบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม (Use Proper Risk Management) ได้แก่ กระจายความเสี่ยงไปลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายระดับโลก และกลยุทธ์การเทรดแบบ Active พร้อมจำกัดการขาดทุน