×

SET ยังผันผวน จากการปรับนโยบายการเงินของ Fed กับ 5 หุ้นที่ควรมีในพอร์ตเมื่อดัชนีย่อตัว

24.01.2022
  • LOADING...

ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) เคลื่อนไหวผันผวน โดยแม้ไม่ได้เกิดจากความกังวลสถานการณ์การแพร่ระบาดของโอมิครอน แต่มีเหตุผลหลักมาจากความกังวลว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าคาด หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (บอนด์ยีลด์) สหรัฐฯ ปรับขึ้นต่อเนื่อง (บอนด์ยีลด์อายุ 10 ปี ปรับขึ้นสู่ระดับ 1.89% สูงสุดในรอบ 2 ปี) และกังวลเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นหลังราคาน้ำมันปรับขึ้นสูงในรอบ 7 ปี จึงส่งผลให้เกิดแรงขายในสินทรัพย์เสี่ยง 

 

โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ KCE, HANA ซึ่งมีความอ่อนไหวสูงต่อการปรับขึ้นของยีลด์ ด้านมุมมอง SET ยังคงมีความผันผวนต่อ โดยแม้ตลาดมองข้ามความเสี่ยงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโอมิครอนในประเทศแล้ว แต่ยังต้องติดตามความเสี่ยงการดำเนินนโยบายการเงินที่ตึงตัวขึ้นจากการประชุม Fed ในวันที่ 25-26 มกราคมนี้ โดยจับตาหากเกิดเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งอย่าง ดังนี้ 

 

  1. Fed ส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยปีนี้เกิน 4 ครั้ง 

 

  1. Fed ประกาศหยุด QE เร็วกว่าคาดที่จะสิ้นสุดในเดือนมีนาคมนี้ และ/หรือ 

 

  1. Fed ประกาศทำ QT เร็วและแรงกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเริ่มใน 2H65 

 

ปัจจัยเหล่านี้จะเป็น Negative Surprise ทำให้ดอกเบี้ยพันธบัตร 10 ปี พุ่งขึ้นเกินระดับ 2% ส่งผลให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกปั่นป่วนได้ และเป็นปัจจัยกดดัน SET ได้ต่อ 

 

อย่างไรก็ตาม คาดว่าปัจจัยภายในประเทศเรื่องเศรษฐกิจฟื้นตัว โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวเด่นหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิคที่คลี่คลาย ทำให้แนวรับบริเวณ 1,600 จุด มองมีความน่าสนใจ และแนะนำให้ใช้เป็นโอกาสเข้าซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว โดยแนะนำหุ้นในกลุ่มต่างๆ ดังต่อไปนี้ กลุ่มหุ้นพื้นฐานดี และผลการดำเนินงานมีแนวโน้มโตดี หรือเป็นหุ้น S-Curve แนะนำ KBANK, GPSC, INTUCH, SPALI, AMATA, LH, GULF, DELTA, ADVANC และ ONEE กลุ่มหุ้น Reopen หลังตลาดมองข้ามความเสี่ยงโอมิครอนไปแล้วอย่าง MINT, AOT, CRC, CPN กลุ่มหุ้นที่คาด 4Q64 กำไรเติบโตดี อย่าง IVL, PTTEP, BLA 

 

ทั้งนี้ ในกลุ่มหุ้นต่างๆ ที่แนะนำ ผมนำมาจัดพอร์ตหุ้น 5 ตัว เพื่อเป็นแนวทางสำหรับท่านนักลงทุนหากจะหาซื้อหุ้นเมื่อดัชนีอ่อนตัว ได้แก่ 

 

  1. SPALI กำไร 4Q64 คาดจะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ และจะทำจุดสูงสุดของปีนี ส่วนกำไรทั้งปี 2564 จะเติบโตโดยทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 6 พันล้านบาท รวมถึงได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐ 

 

  1. AMATA มองผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดในรอบ 12 ปีแล้ว ขณะที่ยอดโอนจะดีขึ้นจากการเปิดประเทศและเศรษฐกิจฟื้น 

 

  1. MINT แนวโน้มกำไร 4Q64 ที่แข็งแกร่งขึ้น QoQ และ YoY ขณะที่การท่องเที่ยวฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิดดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลทำให้มีการผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทาง และมองว่าธุรกิจโรงแรมของบริษัทจะฟื้นตัวก่อน CENTEL และ ERW เนื่องจากการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมในยุโรป ขณะที่ธุรกิจโรงแรมในประเทศอย่าง CENTEL และ ERW พึ่งพิงนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเป็นสัดส่วนรายได้ที่มาก ทำให้การฟื้นตัวช้ากว่า โดย SCBS มองตัวเลขนักท่องเที่ยวจะกลับสู่ระดับพรีโควิดในปี 2567 

 

  1. PTTEP ราคาน้ำมันดิบอยู่ในทิศทางขาขึ้น แนวโน้มกำไร 4Q64 แข็งแกร่ง และการถอนตัวของ TotalEnergies จากโครงการยาดานาในเมียนมา มีแนวโน้มจะสร้าง Upside ให้กับผลประกอบการเพิ่มเติม 

 

  1. ONEE คาดกำไรปี 2564 เติบโต 30%YoY และมองเป็นหุ้น Proxy ของการฟื้นตัวในเม็ดเงินโฆษณา รวมทั้งยังมีโอกาสสร้างรายได้จากธุรกิจใหม่ๆ อย่างกระแส NFT ที่กำลังมาแรงในโลกออนไลน์

 

พบกันใหม่ในคอลัมน์ฉบับหน้าครับ  

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising