ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET) วันนี้ (28 มกราคม) ปิดที่ 1,468.51 จุด ลดลง 29.62 จุด หรือ 1.98% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.25 หมื่นล้านบาท โดยหุ้นกลุ่มที่กดดัชนีลงมามากสุดคือกลุ่มพลังงาน ตามมาด้วยกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มไฟแนนซ์
ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า การปรับตัวลงของตลาดในวันนี้ถือว่าแรงกว่าที่ประเมินไว้ตอนแรก ซึ่งเราคาดว่าบริเวณ 1,480 จุด น่าจะรับอยู่ แต่หลังจากเปิดตลาดภาคบ่าย ดัชนีดาวโจนส์ ฟิวเจอร์ส ปรับลงต่อ 180 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเปิดลบประมาณ 2% ทำให้เกิดแรงขายในตลาดหุ้นไทยตามมา
สำหรับสองปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามต่อจากนี้คือ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (Dollar Index) ของสหรัฐฯ และอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (Reverse Repo) ประเภทอายุ 7 วันของจีน
ช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา Dollar Index แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจนมาแตะระดับ 90.7 ดอลลาร์ หากยังคงแข็งค่าต่อเนื่องทะลุระดับ 91 ดอลลาร์ขึ้นไปมาก จะยิ่งกดดันต่อตลาดหุ้น
ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นจีนซึ่งปรับฐานลงมา 2-3 วันติดต่อกัน โดยเฉลี่ย 2% ต่อวัน จากความกังวลในเรื่องของสภาพคล่องที่เริ่มตึงตัง หลังจากที่อัตราดอกเบี้ย Reverse Repo อายุ 7 วัน ปรับขึ้นอย่างรวดเร็วจนมาแตะระดับ 3.08%
“การปรับฐานของตลาดหุ้นจีนในอดีต ซึ่งอัตราดอกเบี้ย Repo ทะลุ 3% ส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนปรับฐานค่อนข้างแรง หลังจากนี้คงต้องติดตามว่า อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจะเคลื่อนไหวอย่างไร รวมถึงติดตามในช่วงก่อนตรุษจีนว่า รัฐบาลจีนจะใส่เงินเข้ามาในระบบเพิ่มขึ้นหรือไม่ เพราะโดยปกติแล้วในช่วงนี้รัฐบาลจีนจะใส่เงินเข้ามา หากปีนี้ไม่เกิดขึ้น อาจเป็นสัญญาณเตือนให้นักลงทุนลดพอร์ตการลงทุนลง”
สำหรับความเสี่ยงขาลงของ SET หลังจากนี้มองว่า ในระดับ 1,450 จุด ซึ่งเป็นการปรับฐานลงมาราว 100 จุด น่าจะเกิดการฟื้นตัวทางเทคนิค (Technical Rebound) ส่วนหลังจากนั้นจะปรับฐานต่อหรือไม่ เชื่อว่าจะขึ้นอยู่กับสองปัจจัยข้างต้น
การปรับฐานของตลาดหุ้นทั่วโลกรอบนี้เป็นการขายทำกำไรหลังจากที่ตลาดหุ้นปรับขึ้นต่อเนื่อง จนมูลค่าของตลาดหุ้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างแพง
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์