ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมองแนวโน้มฟันด์โฟลวไหลเข้าหุ้นไทยเพิ่ม หากสามารถเปิดเมืองและเปิดเศรษฐกิจได้ตามแผน แต่ยังต้องจับตานโยบายการเงินทั้งของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งอาจทำให้ตลาดทุนผันผวน ส่วนภาวะหุ้นไทยเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยเป็นเดือนแรกของปีที่ 5,584 ล้านบาท แต่ 8 เดือนแรกยังขายสุทธิ 89,975 ล้านบาท
ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า แนวโน้มการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติมักจะเกี่ยวข้องกับการเปิดเศรษฐกิจของประเทศ เพราะหากทำให้ภาคธุรกิจสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้และเปิดเศรษฐกิจได้มากขึ้น จะทำให้นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้น สะท้อนได้จากปี 2563 ที่นักลงทุนต่างชาติเข้าลงทุนในหุ้นไทยช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยเปิดประเทศมากขึ้นหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดคลี่คลายขึ้นมาก
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่ต้องจะส่งผลต่อฟันด์โฟลวเพิ่ม คือนโยบายทางการเงินของประเทศสำคัญ เช่น นโยบายการเงินของ Fed และ ECB
“นโยบายการเงินของสหรัฐฯ มีผลต่อสภาพคล่อง ถ้าสภาพคล่องลดลง สิ่งที่ต้องติดตาม คือ การมองว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้จริงแล้วหรือยัง ถ้าฟื้นได้จริง นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น ทำให้สภาพคล่องถูกดึงออกไป ดอกเบี้ยก็มีโอกาสกลับมาสูงขึ้น ซึ่งแน่นอนว่านโยบายการเงินจะมีผลต่อการไหลของเงินจากสินทรัพย์หนึ่งไปอีกสินทรัพย์หนึ่ง”
ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม การควบคุมสถานการณ์ระบาดระลอกใหม่ของโควิดสายพันธุ์เดลตาในไทยมีแนวโน้มดีขึ้น โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ประกอบกับการจัดงาน Thailand Focus ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุน
อีกทั้งผลการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่เมือง Jackson Hole เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2564 มีมติคงสภาพคล่องการทำ Quantitative Easing ส่งผลให้ Sentiment ของผู้ลงทุนกลับมาอยู่ในเชิงบวกอีกครั้ง
นอกจากนี้ยังเห็นสัญญาณเงินทุนเคลื่อนย้ายของผู้ลงทุนจากต่างชาติกลับไปยังสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงตลาดหลักทรัพย์หลายแห่งในภูมิภาคอาเซียน ส่งผลให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าอยู่ที่ 32.34 บาทต่อดอลล่าร์
ในเดือนสิงหาคม นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิเป็นเดือนแรกในปี 2564 โดยซื้อสุทธิ 5,584 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในช่วง 8 เดือนแรกปี 2564 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 89,975 ล้านบาท
ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2564 SET Index ปิดที่ 1,638.75 จุด เพิ่มขึ้น 7.7% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า เมื่อพิจารณาช่วง 8 เดือนแรกปี 2564 SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 13.1% ซึ่งถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร และกลุ่มบริการ
