วันนี้ (11 สิงหาคม) พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย แถลงข่าวถึงกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่าต้องรอข้อสรุปจากที่ประชุมร่วมฝ่ายค้านว่าจะยื่นขออภิปรายใครบ้าง และจะเขียนญัตติอย่างไร โดยทั้งหมดนี้พรรคเพื่อไทยเตรียมไว้หมดแล้ว ส่วนจะมีใครบ้างยังตอบไม่ได้ เพราะยังไม่มีข้อยุติ จะพูดออกไปก่อนคงไม่เหมาะสม และอยากให้ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้แถลงในวันที่ยื่นมากกว่า
นอกจากนั้น พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ยังกล่าวถึง รอยร้าวระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยว่า แค่ทั้ง 2 พรรคมีความเห็นไม่ตรงกัน ดังนั้นตามประสบการณ์ของเพื่อไทยที่มีมากกว่า และมี ส.ส. ที่มากประสบการณ์หลายสมัย ส่วนพรรคก้าวไกลที่มี ส.ส. ใหม่ไฟแรง มีความรู้มาก จึงมองคนละมุมกัน ดังนั้นจะให้มองเหมือนกันคงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากการทำงานของ ส.ส. นั้นเป็นอิสระ จะไปกล่าวว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลแตกหักกันไม่ได้
“ผัวเมียยังมองไม่เหมือนกันเลย และจะให้บอกว่าทั้งเพื่อไทย ทั้งก้าวไกล เขามองเหมือนกันหรือ มันเป็นไปไม่ได้หรอกนะครับ และสภาโดยเฉพาะ ส.ส. รัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจนเป็นอิสระ แสดงความคิดเห็นได้ เพราะฉะนั้นพรรคเดียวกันยังเห็นไม่เหมือนกันเลย”
ขณะเดียวกัน พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ยังกล่าวถึงการชุมนุมที่ผ่านมาว่า รัฐบาลต้องการความสงบเรียบร้อย และต้องการที่จะอยู่ต่อโดยไม่มีปัญหา แต่บ้านเมืองทุกคนย่อมมีสิทธิ์แสดงความเห็น ดังนั้นการที่ประชาชนแสดงความเห็น รัฐบาลจะต้องเปิดใจให้กว้าง และต้องรับฟังข้อคิดเห็นจากประชาชน อะไรที่ประชาชนเสนอมาก็รับมาปฏิบัติ รัฐบาลไม่ควรมองประชาชนเป็นศัตรู
ด้วยประสบการณ์ของตนจึงเห็นว่าประชาชนสู้รัฐบาลไม่ได้ เนื่องจากรัฐบาลได้ใช้เงินภาษีของประชาชนมาเล่นงานประชาชนเอง
และหากตนเป็นนายกรัฐมนตรี ตนจะออกมาพบผู้ชุมนุมเพื่อถามว่าพี่น้องเดือดเนื้อร้อนใจอย่างไร ต้องการอะไร วัคซีนมันไม่พอ หรือมันมาช้า ตนจะรับไปดำเนินการ งบทั้งหมดตนไม่เอาเลย จะตัดให้หมด งบซื้อรถถังยุทโธปกรณ์ จะมาช่วยพวกท่านหมด ก็พูดกันไปจะได้หมดเรื่อง แต่ก็ไม่ยอมออกมาพูด แล้วยังดันทุรังตั้งงบที่ว่าแบบนี้ไปอีก ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จะซื้อไปทำไม จะซื้อไปรบกับหมาที่ไหน