วันนี้ (8 มกราคม) ศาลเกาหลีใต้มีคำสั่งให้รัฐบาลญี่ปุ่นจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่เหยื่อชาวเกาหลีใต้ที่ถูกบังคับให้เป็นทาสทางเพศในซ่องทหารกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ศาลแขวงกลางกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ ตัดสินว่าญี่ปุ่นควรจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้โจทย์ 12 ราย รายละ 100 ล้านวอน (ประมาณ 2.74 ล้านบาท) หลังจากพวกเขายื่นคำร้องขอไกล่เกลี่ยข้อพิพาทต่อศาลในเดือนสิงหาคม 2013
รายงานระบุว่านับเป็นครั้งแรกที่ศาลพิพากษาให้ญี่ปุ่นจ่ายเงินชดเชยแก่เหยื่อซึ่งถูกเรียกขานอย่างสละสลวยว่า ‘หญิงบำเรอ’ โดยคดีความดังกล่าวถูกส่งขึ้นศาลกรุงโซลในเดือนมกราคม 2016 ส่วนการพิจารณาคดีครั้งแรกมีขึ้นในเดือนเมษายน 2020 เนื่องจากรัฐบาลญี่ปุ่นปฏิเสธรับคำร้องคดีแพ่งอย่างเป็นทางการ
ศาลระบุว่าโจทก์เผชิญความเจ็บปวดทางร่างกายและจิตใจในแบบที่ไม่อาจจินตนาการได้ และไม่แม้แต่จะได้รับการชดเชยจากความทุกข์ทรมานนั้น พร้อมเสริมว่าการกระทำผิดกฎหมายของจำเลยเป็นที่ประจักษ์ทั้งจากหลักฐาน เอกสารที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคำให้การของพยาน โดยศาลเห็นควรให้ประเมินมูลค่าความเสียหายอยู่ที่กว่า 100 ล้านวอน (ประมาณ 2.74 ล้านบาท)
ด้านฝั่งญี่ปุ่นยืนยันว่าคดีดังกล่าวควรได้รับการยกเว้น สืบเนื่องจากหลักคุ้มกันอธิปไตย (Sovereign Immunity) ที่ปกป้องรัฐจากคดีแพ่งในศาลต่างประเทศ ทว่าศาลเกาหลีใต้ระบุว่าหลักดังกล่าวไม่สามารถนำมาใช้กับกรณีนี้ได้ เนื่องจากจักรวรรดิญี่ปุ่นกระทำผิดกฎหมายโดยเจตนา มีระบบ และเกิดขึ้นในวงกว้าง อีกทั้งยังนับเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
ทั้งนี้ บรรดานักประวัติศาสตร์เผยว่ามีผู้หญิงเอเชียหลายแสนคน โดยส่วนใหญ่มาจากคาบสมุทรเกาหลี ถูกลักพาตัว บีบบังคับ หรือล่อลวงให้เป็นทาสทางเพศของกองทัพทหารญี่ปุ่นในช่วงก่อนและระหว่างสงครามแปซิฟิก หรือสงครามมหาเอเชียบูรพา
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: สำนักข่าวซินหัว