วันนี้ (11 ธันวาคม) ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา
ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ วาระร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช …. เมื่อพิจารณาถึงมาตรา 256/26 ว่าด้วยเนื้อหาสำคัญของรัฐธรรมนูญ
นพ. เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะกรรมาธิการฯ เสียงข้างน้อย ได้แปรญัตติในเนื้อหาของรัฐธรรมนูญ โดยเสนอให้มีการจำกัดขอบเขตการใช้อำนาจรัฐและการใช้ดุลพินิจขององค์กรของรัฐ การควบคุมมิให้องค์กรของรัฐใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจ หรือขัดขวางเจตนารมณ์ของประชาชน
นพ. เปรมศักดิ์ยอมรับว่า ตนเองเป็นคนหนึ่งที่ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า รัฐสภามีอำนาจในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ จนศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่ารัฐสภามีอำนาจ แต่สิ่งที่ไม่ได้ถาม แต่แถมว่า รัฐสภามิอาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง เป็นเหตุให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงขอบเขตการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และเพิ่มข้อจำกัดในกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญ จึงเป็นเหตุให้ตนเองแปรญัตติเพิ่มเนื้อหาดังกล่าว
นพ. เปรมศักดิ์ยังหยิบยกคดีในอดีต ที่เป็นการใช้อำนาจขององค์กรอิสระที่ไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน เช่น คดีของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ที่กระทำผิดตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อมาถึง ป.ป.ช. กลับยังไม่ดำเนินการ แต่กับคดีของ 44 สส. ที่มีกระแสข่าวว่า จะเร่งรัดพิจารณาภายในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งเปรียบเทียบกันแล้วดูเร่งรีบเกินไป จึงเสนอให้เพิ่มเนื้อหาดังกล่าว เพื่อควบคุมการทำงานขององค์กรอิสระ
ในช่วงหนึ่ง สนอง เทพอักษรณรงค์ สส. บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ได้ลุกขึ้นประท้วงว่า เป็นการอภิปรายวนเวียนซ้ำซาก และกล่าวถึงบุคคลภายนอก ก่อนที่ประธานจะตักเตือน นพ. เปรมศักดิ์ว่าให้ระมัดระวังการพาดพิงบุคคลภายนอก
สว. พิสิษฐ์ขอถอนคำสงวน ให้ สว.-องค์กรอิสระ อยู่ครบวาระ
ด้าน พิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. ในฐานะกรรมาธิการฯ ผู้สงวนความเห็น ได้เสนอให้ ให้มีการรับรองสมาชิกสภาพของสมาชิกวุฒิสภาตามบทบัญญัติ
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 ให้ดำรงตำแหน่งจนครบวาระห้าปี และให้มีการรับรองวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการในองค์กรอิสระ
ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ให้ดำรงตำแหน่งจนครบวาระ ทั้งนี้ ด้วยเจตนาปรารถนาดีจะเห็นความต่อเนื่องของ สว. และองค์กรอิสระ ในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐธรรมนูญ เพื่อไม่ให้เกิดสภาวะสุญญากาศในการบริหาราชการแผ่นดิน รวมถึงกลไกตรวจสอบถ่วงดุล
พิสิษฐ์กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม ได้มีข้อกังขาและทักท้วงข้อสงวนของตนเอง ว่าอาจถูกตีความคลาดเคลื่อน ว่าเป็นข้อเสนอเพื่อประโยชน์ส่วนตัว หรือเพื่อยื้ออำนาจของ สว. ไว้ ดังนั้น เพื่อขจัดข้อสงสัยทั้งปวง ขอยืนยันด้วยเกียรติของ สว. ผู้แทนปวงชนชาวไทย และเสียงของประชาชนสำคัญกว่าวาระการดำรงตำแหน่งของบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ และแสดงความบริสุทธิ์ใจ
“เพื่อให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เดินหน้าต่อไปโดยปราศจากข้อครหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน และให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กำลังจะจัดทำมีความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ผมจึงขอถอนคำสงวนความเห็นของผมออก จากมาตรา 256/26 ทั้ง 3 อนุ ออก และไม่ติดใจใดๆ” พิสิษฐ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ พิสิษฐ์ขอสงวนความเห็นในมาตรา 256/26 โดยขอให้เพิ่มความใน (10) ระบุว่า เปิดโอกาสให้ สว. ที่พ้นจากวาระแล้ว สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. หรือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ได้ โดยไม่มีข้อจำกัดระยะเวลา ภายหลังจากสมาชิกภาพของ สว. สิ้นสุด แต่จะลงสมัครรับเลือกเป็น สว. อีกไม่ได้
รวมถึงเสนอให้เพิ่มความใน (11) บทเฉพาะกาล ให้มีการรับรองสมาชิกสภาพของ สว. ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 ให้ดำรงตำแหน่งจนครบวาระห้าปี และ (12) บทเฉพาะกาลให้มีการรับรองวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 ให้ดำรงตำแหน่งจนครบวาระ
