วันนี้ (14 ตุลาคม) ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภานัดพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่เสนอโดย 3 พรรคการเมือง นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา (สว.) อภิปรายสนับสนุนร่างของพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชน โดยระบุว่า เมื่อย้อนหลังไป 50 ปีที่แล้ว 14 ตุลาคม 2516 เหล่าวีรชนผู้กล้า ออกมาต่อสู้กับเผด็จการ เรียกร้องรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย ตนขอสดุดีวีรชน อานิจามาถึงวันนี้เรายังยืนอยู่ที่เดิม ยังเรียกร้องให้ได้รัฐธรรมนูญฉบับที่ประชาชนเป็นผู้ร่าง
“ไม่ใช่ฉบับที่นิติบบริกรยัดเยียดให้เราใช้มาอย่างขมขื่น ทั้งหมกเม็ดซ่อนเงื่อน วางหมากกล ปล้นอำนาจอธิปไตยไปจากประชาชน หากวิญญาณของวีรชน 14 ตุลาคมยังวนเวียนอยู่กับประชาธิปไตย ขอได้โปรดปัดเป่าเหล่ามารร้าย ทายาทอสูร ซากเดนเผด็จการ ให้พ้นจากการร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนนี้ด้วยเทอญ” นันทนากล่าว
นันทนากล่าวต่อว่า หากเรายึดมั่นในหลักการประชาธิปไตยเป็นของประชาชน เราต้องให้สิทธิ์พวกเขาในการออกแบบกติกาบ้านเมือง ซึ่งมี 2 ร่างที่เข้ากติกานี้ คือ ร่างของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย ที่เปิดให้มีการเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) จากประชาชน และให้รัฐบาลเป็นคนคัดเลือกในขั้นตอนสุดท้าย
สำหรับร่างพรรคภูมิใจไทย แต่เห็นว่าเป็นการประเมินประชาชนต่ำมาก ไม่เปิดให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมใดๆ ทุกอย่างกำหนดด้วยเกมในรัฐสภา
“ทุกคนรู้กันอยู่ว่า สว.อยู่ในคดีฮั้ว อั้งยี่ ฟอกเงิน จำนวนมากกว่า 1 ใน 3 เมื่อรวมกับ สส. ฝั่งรัฐบาล ก็จะกลายเป็นเสียงข้างมาก ที่จะกำหนด สสร. ได้เกือบทั้งหมด เราจะได้ สสร. สีน้ำเงิน รัฐธรรมนูญสีน้ำเงินหรือไม่ ดิฉันคงไม่รับร่างฉบับที่ไม่เห็นหัวประชาชน”
ยินดีรับหลักการทั้ง 3 ร่าง เปิดทางทุกฝ่ายมีส่วนร่วม
ต่อมา นรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว. อภิปรายแสดงความเห็นว่า บนโลกนี้มีเพียง 5 ประเทศเท่านั้นที่มีรัฐธรรมนูญเกิน 20 ฉบับ และทุกประเทศนั้นไม่มีประเทศที่พัฒนาแล้วเลย ซึ่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย สาเหตุที่ต้องมีรัฐธรรมนูญหลายฉบับขนาดนี้ เพราะอำนาจรัฐไม่เคยเห็นหัวประชาชน และประชาชนก็ไม่เคยมีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง
“ทุกครั้งที่เสียงส่วนใหญ่ของประเทศเริ่มดังขึ้น จะมีเสียงข้างน้อยที่ครองอำนาจหาทางฉีกรัฐธรรมนูญ แล้วเขียนใหม่ด้วยมือพวกพ้องของตนเอง รัฐธรรมนูญจึงเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจเท่านั้น” นรเศรษฐ์กล่าว
นรเศรษฐ์ทิ้งท้ายว่า ไม่ว่าจะเห็นแตกต่างกันในรายละเอียด หรือมีความแตกต่างทางจุดยืนอุดมการณ์ แต่ขอเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาโหวตเห็นชอบรับหลักการให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ร่าง เพื่อเปิดพื้นที่ให้ทุกฝ่ายได้มีโอกาสปรับปรุงและกลั่นกรองอนาคตของประเทศไปด้วยกัน
หมอเปรมโวยถูกกีดกันร่วมนั่ง กมธ. พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ
ขณะที่ นพ. เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. อภิปรายว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันนี้ ควรจะต้องมี สสร. ที่มาจากประชาชน ซึ่งยังมีอุปสรรค เนื่องจากตนเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ยื่นญัตติ และขอให้วุฒิสภาส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญตอบว่าไม่อาจให้ สสร. มาจากการเลือกตั้งจากประชาชนได้โดยตรง คงจะต้องมีรูปแบบที่จะปรับให้เข้ากับคำวินิจฉัยของศาล
สำหรับ 3 พรรคการเมืองที่ส่งโมเดลการแก้รัฐธรรมนูญ ทั้ง 3 รูปแบบเป็นรูปแบบที่เรารับได้ เพื่อจะนำไปสู่การพิจารณาให้ได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างแท้จริง สิ่งสำคัญคือ ขั้นตอนการเลือกคณะกรรมาธิการยกร่างตามที่ทั้ง 3 พรรคการเมืองเสนอมา มักจะเน้นไปที่ สสร. แต่กระบวนการที่จะต้องเสรีคือ กระบวนการคัดเลือกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ระยะเวลาจัดทำรัฐธรรมนูญ และทำประชามติครั้งที่ 3 ไม่ควรจะนานเกินไป ทำให้เกิดผลกระทบต่อการร่างรัฐธรรมนูญที่เรามุ่งหวังว่าจะได้ประโยชน์
“อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดเป็นความฝันที่ผมพยายามจะเห็น แต่จะได้เห็นหรือไม่ ไม่อาจทราบได้ เนื่องจากผมในฐานะสมาชิกรัฐสภา ก็ยังไม่สามารถดำเนินการตามเจตนารมณ์ของตนเองได้ เป็นเพราะผมมุ่งหวังตั้งแต่สมัคร สว. ว่าจะมาแก้ไขรัฐธรรมนูญ แสดงเจตนารมณ์ทำทุกอย่างเพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญปรากฏเป็นผล ผมอาสาเป็นคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ แต่ปัญหาคือ กระบวนการในวุฒิสภากลับปิดกั้นไม่ให้ผมมีโอกาสเข้ามาร่วมในกระบวนการ” นพ. เปรมศักดิ์กล่าว
นพ. เปรมศักดิ์เปิดเผยว่า เรามีการประชุมวิปสามฝ่าย ตกลงกันว่าจะให้ สส. มีกรรมาธิการ 33 คน สว. อีก 12 คน ซึ่งให้โควตา คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ 1 คน และอีก 11 คนให้ไปจับสลาก แม้ตนเองจะได้โควตาในฐานะคณะกรรมาธิการกฎหมายฯ ภายหลังกลับมีการพลิกมติ ไม่ส่งใครเข้าร่วมเป็นคณะกรรมาธิการแม้แต่คนเดียว จึงได้มีการส่งหนังสือถึงประธานวุฒิสภาเพื่อขอให้ทบทวนเรื่องดังกล่าว
”ผมขอความยุติธรรมจากรัฐสภาแห่งนี้ ทำอย่างไร ให้มีโอกาสทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติบ้านเมือง ที่มีคนกล่าวหาว่า สว. มีการฮั้วกันก่อนเลือกตั้ง ผมฟังแล้วกระบวนการอยู่ในขั้นตอนสืบสวนสอบสวน แต่พอเลือกมาทำหน้าที่ในวุฒิสภาก็มีการกีดกัน ผมที่ทำงานด้านกฎหมาย ด้านรัฐธรรมนูญ ไม่มีโอกาสเข้าไปเป็นกรรมาธิการวิสามัญ ไม่ทราบว่าเพราะเรื่องอะไร ทั้งที่ผมมีเจตนาทำเพื่อบ้านเมืองตลอด กรรมาธิการอื่นผมก็ไม่เคยเรียกร้องอะไร แต่ผมเรียกร้องเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ เพราะผมรู้เรื่องนี้ดี“ นพ. เปรมศักดิ์กล่าว