วันนี้ (16 พฤษภาคม) เฉลิมชัย เฟื่องคอน สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ให้สัมภาษณ์รายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ดำเนินรายการโดย ดนัย เอกมหาสวัสดิ์ และ อมรรัตน์ มหิทธิรุกข์ เผยแพร่ทางช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30
กรณีพรรคก้าวไกลรวมเสียง ส.ส. จากพรรคการเมืองฝ่ายค้านเดิมเพื่อตั้งรัฐบาล โดยตั้งใจจะรวมเสียง ส.ว. เพื่อโหวต พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีด้วย ซึ่งเฉลิมชัยมองว่า พรรคก้าวไกลไปรวมเสียง ส.ส. ให้ได้ 376 เสียง จะมีความเป็นไปได้มากกว่ามารวมเสียงกับ ส.ว. แม้ส่วนตัวพร้อมโหวตให้ เพราะก้าวไกลรวมเสียง ส.ส. ได้เกิน 250 เสียงแล้ว
ผู้ดำเนินรายการถามว่า กรณีระบุว่า ส.ว. 250 คน มี ส.ว. อิสระอยู่ไม่ถึง 20 คน และเมื่อถึงเวลาลงมติก็ไม่แน่ใจว่าจะมีถึง 20 หรือไม่ ยังยืนยันข้อมูลนี้อยู่หรือไม่
เฉลิมชัย เฟื่องคอน ส.ว. กล่าวว่า ยังยืนยันข้อมูลดังกล่าว ส.ว. ส่วนใหญ่จะไปทางเดียวกัน มีไลน์กลุ่ม มีการกดไฟเขียว-ไฟแดงผ่านไลน์ แต่ส่วนใหญ่ตนเองไม่ได้ไปร่วมด้วย
“ส.ว. ชุดนี้ เขาไม่นับผมเป็นพวกอยู่แล้ว เพราะผมมาจากกลุ่มอาชีพ ผมไปสมัครที่อำเภอ จังหวัด ฉะนั้นใครมาสั่งอะไรผมไม่ได้ ไฟเขียว-ไฟแดงอะไรผมไม่สนใจ”
ผู้ดำเนินรายการถามต่อว่า ส.ว. ที่ไม่รับไฟเขียว-ไฟแดงจากใครมีกี่คนจาก 250 คน
เฉลิมชัยกล่าวว่า ไม่เกิน 20 คน แต่ล่าสุดเมื่อวานทราบจากเพื่อนว่าน่าจะไม่เกิน 10 คน แล้วเวลาลงคะแนนจริงๆ อาจจะเหลือสัก 5 คน ส่วนผมมีอิสระ มีความคิดเป็นของตัวเอง ทำตามความถูกต้อง ตรงไปตรงมา
ผู้ดำเนินรายการถามว่า กรณีพรรคก้าวไกลรวมได้ 310 เสียง ต้องการอีก 67 เสียงจะครบ 376 เสียง พรรคก้าวไกลสามารถหวังเสียงจาก ส.ว. ได้หรือไม่ เพื่อให้ครบ 376 เสียงเดินหน้ารัฐบาลก้าวไกล
เฉลิมชัยกล่าวว่า “ส่วนตัวผมตั้งใจว่าพรรคใดได้เสียงข้างมากแล้วรวมเสียงเกิน 250 เสียงขึ้นไป ผมจะเลือกนายกรัฐมนตรีจากพรรคนั้น เพราะเป็นการเลือกตามเสียงข้างมาก”
เฉลิมชัยกล่าวด้วยว่า ข้อเท็จจริงคือ 4 ปีที่ผ่านมา เวลาประชุมร่วมรัฐสภา พรรคก้าวไกลจะเป็นพรรคเดียวที่มีปัญหากับวุฒิสภา เขาจะต่อล้อต่อเถียง ไม่มีความเคารพ ส.ว.
“เพราะฉะนั้นที่เขาบอกว่า เลขาธิการพรรคก้าวไกลจะไปประสานงานให้ได้เสียง ส.ว. หรือคุณพิธาจะไปประสานงาน ผมว่าไม่ต้องไปประสานงานหรอก มันไม่ได้อยู่แล้ว เพราะพวกคุณด่าเขามาตลอด เวลาประชุมร่วมรัฐสภา ด่าไอ้หัวหงอกหัวเฒ่ากลับไปเลี้ยงหลาน คุณด่าเขามาตลอด แต่ว่าจะเอาเสียงจากเขา แล้วใครเขาจะให้คุณ มันก็มีผมอยู่คนเดียวที่จะให้
“อีกอย่างนโยบาย ไม่ว่าจะยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 ก็เป็นนโยบายที่ไปกระทบกับสถาบัน ดังนั้น ส.ว. จึงไม่เอาด้วย ถ้าไปแตะมาตรา 112
“แล้วเวลาคุณพิธาพูดอะไร รู้สึกว่ามีความเชื่อมั่นเยอะ เช่น “ผมว่าที่นายกรัฐมนตรี” ถ้าเชื่อมั่นเกินก็เป็นความทระนงไป เรื่องท่าทีให้มันอ่อนหน่อย อย่าแข็งมากไป รวมถึงการบอกว่า ส.ว. อย่าฝืนฉันทามติของประชาชน
“ส่วนที่เลขาธิการบอกว่า พรรคก้าวไกลจะวัดใจ ส.ว. ว่าจะเอาอย่างไร
“ผมบอกเลย ไม่ต้องวัดใจหรอก คุณไม่ได้เสียงอยู่แล้ว หลายเรื่องที่ผ่านมาไม่ให้เกียรติ ส.ว.”
เฉลิมชัยกล่าวว่า แนะนำถ้าพิธาอยากเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกลก็ไปรวมเสียง ส.ส. จะง่ายกว่ามารวมเสียงกับ ส.ว. เพราะเมื่อมากดดัน ส.ว. แล้วทำไมไม่กดดัน ส.ส. ด้วย แนะนำว่ารวมเสียง ส.ส. ให้ได้ 376 คน ก็จะเป็นการปิดสวิตช์ ส.ว.
“การท้าทายวัดใจ ส.ว. ผมบอกเลย หนทางจะไปทำเนียบรัฐบาลเป็นนายกฯ เป็นไปไม่ได้”
เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ ส.ว. ส่วนใหญ่จะโหวตให้ขั้วรัฐบาลเดิมเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย
เฉลิมชัยกล่าวว่า คงไม่มี ส.ว. ทำแบบนั้น เพราะต้องนึกถึงบ้านเมือง อยากให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไป จะไปยกมือให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ เสียงข้างน้อยบริหารก็ไม่เป็นประโยชน์ เพราะเปิดสภามา เมื่อเสนองบประมาณก็ถูกคว่ำ
“คุณพิธาและพรรคก้าวไกลดูภาพข้างนอกเขาก็โอเค มีหลักมีเกณฑ์ แต่พอนั่งในห้องประชุมด้วยรู้สึกไม่ไหว ไม่ให้เกียรติ ด่าคนเฒ่าคนแก่เละเทะ ทระนงไปนิดหนึ่ง”