วันนี้ (30 พฤษภาคม) ที่อาคารรัฐสภา ภายหลังที่ประชุมวุฒิสภามีมติเสียงข้างมากไม่เห็นชอบให้ชะลอวาระการตั้งกรรมาธิการสอบประวัติฯ บุคคลในองค์กรอิสระ รวมถึงการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลในองค์กรอิสระ ด้วยคะแนนไม่เห็นชอบ 125 เสียง และเห็นชอบ 37 เสียง ทำให้ สว. เสียงข้างน้อยเดินออกจากห้องประชุมทันที
นันทนา นันทวโรภาส สว. พร้อมด้วย น.ต. วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สว. ได้ร่วมกันแถลงข่าว โดยนันทนาระบุว่า เสียงโหวตจำนวน 125 เสียง ถือว่าเป็นเสียงข้างมากที่ใช้ในการลงมติโดยปกติทั่วไป ไม่ว่าเสียงข้างน้อยจะมีการอภิปรายด้วยหลักการและเหตุผล ที่สมเหตุสมผลเพียงใด ก็ไม่อาจที่จะโน้มน้าวให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ที่สำคัญประชาชนจำนวนมากไม่ต้องการให้ สว. ลงมติเลือกองค์กรอิสระทั้ง 7 ตำแหน่ง เขาจะเปลี่ยนสถานะองค์กรอิสระไปโดยสิ้นเชิง
“ดิฉันขอแสดงความเสียใจไปยังประชาชนทุกคนว่า สว. เสียงข้างมากยังเดินหน้าเห็นชอบองค์กรอิสระต่อไป และต้องขอฟ้องประชาชนว่า การทำหน้าที่ของ สว. เสียงข้างมาก เหมาะสมหรือไม่ เราทำอย่างเต็มที่พยายามขอให้เลื่อนการพิจารณาออกไป เพื่อให้การตรวจสอบดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนถึงสองเดือน เราพยายามเต็มที่แล้วขอให้ประชาชนต้องพิจารณาเอง” นันทนากล่าว
สำหรับการรวมรายชื่อ 20 สว. เพื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาถอดถอน สว. ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหานั้น นันทนากล่าวว่า การถอดถอนและขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ เป็นยาแรงที่จะส่งผลกระทบต่อผู้ลงชื่อ จึงมีไม่ครบตามจำนวน อีกทั้ง สว. ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ถ้าตัดสินแล้วบริสุทธิ์ ก็กลับมาทำหน้าที่ต่อได้
ส่วน สว. เสียงข้างน้อยทั้ง 37 คน ที่โหวตเห็นชอบให้ชะลอวาระนั้น จะมั่นใจว่าอยู่รอดปลอดภัยจากเสียงข้างมากหรือไม่ น.ต. วุฒิพงศ์ ระบุว่า เขาอาฆาตมาดร้ายไว้แล้ว การทำงานต่อไปของ สว. เสียงข้างน้อยก็จะลำบาก เพราะเสี่ยงจะโดนฟ้องร้องเหมือนที่นันทนาประสบในเรื่องจริยธรรม อีกไม่นานหากคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ทำงานล่าช้า ก็ต้องรู้ว่าจะเกิดผลกระทบอะไรบ้างกับเรา
ขณะที่การทยอยออกหมายเรียก สว. ในคดีฮั้วนั้น น.ต. วุฒิพงศ์ มองว่า ไม่ส่งผลอะไร แต่จะมีปฏิบัติการจิตวิทยา ไม่ต้องกังวล เพราะเขามีคนสนับสนุนอยู่ข้างหลัง ไม่ทราบว่าใคร ถ้าเป็นไปตามข่าว ก็น่าเป็นห่วง พร้อมกันนี้ ยังตั้งข้อสังเกตว่า เสียงข้างมาก 125 เสียง ก็มองว่าเสียงข้างมากมีน้อยลง และเสียงข้างน้อยมีมากขึ้นเรื่อยๆ
“ส่วนที่งดออกเสียง คือพวกที่กลัวว่าออกเสียงไปแล้ว อาจจะมีปัญหาในการทำงานกับเสียงข้างมาก หาก กกต. ไม่ทำงานล่าช้า สภาก็จะกลับมาเป็นระเบียบเรียบร้อย เราไม่อยากเกิดปัญหาแบบนี้ ปัญหาความล่าช้าคือความไม่เป็นธรรม” น.ต. วุฒิพงศ์กล่าว
นันทนาเสริมว่า เสียงข้างมากได้ 125 เสียง มี สว. ประชุมถึง 25 คน แต่ที่ขาดประชุมคือเสียงข้างมาก อาจเริ่มมีปฏิกิริยาในการไม่ร่วมกิจกรรม เพราะถูกแจ้งข้อกล่าวหาไปบ้างแล้ว บางคนคิดว่าไม่มาดีกว่า ก็หายไปเลย
ส่วนจะครบรอบ 1 ปีการเลือก สว. มีความมั่นใจในกระบวนการของ กกต. และคณะกรรมการสืบสวนฯ มากน้อยแค่ไหน น.ต. วุฒิพงศ์ ตอบว่า มั่นใจในคณะกรรมการสืบสวนฯ ชุดนี้ แต่ไม่มั่นใจกรรมการชุดใหญ่ ถ้าเร่งส่งก็จะทำงานรวดเร็วภายในหนึ่งเดือน ตอนนี้ทำไปเยอะแล้ว แต่ตอนนี้ติดอยู่ที่ไหนทุกคนคงทราบดี ติดอยู่ที่ฝั่งบริหารของ กกต.
สำหรับ สว. ข้างน้อยที่ไม่กล้าออกตัวโหวตคัดค้านในการลงมติ แปลว่ามีการข่มขู่กันหรือไม่นั้น น.ต. วุฒิพงศ์ระบุว่า บางทีไม่ต้องข่มขู่ แต่ไม่ให้เป็นกรรมการ ไม่ให้เป็นกรรมาธิการงบประมาณ เขาจึงไม่อยากปรากฏตัว
“เมื่อฟังการอภิปรายในห้องประชุม ผมก็น้ำตาไหล สงสารตัวเอง สงสารประชาชน วันนี้จึงตัดสินใจลงมาชี้แจงกับประชาชนว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ตอนนี้ผมไม่กลัวแล้ว แต่ผมไม่กลัว ตอนนี้ความกลัวเปลี่ยนเป็นความกล้า ผมเป็นอดีตทหาร อย่าขู่มาก ถ้าขู่มากก็กล้าเลย บ้าบิ่นด้วย บางคนที่เคยเป็นเพื่อนกันมาบอกว่าไม่อยากคุยแล้ว ไม่อยากมองหน้า ไม่เป็นไร ผมมองหน้าประชาชนได้แบบไม่ละอายใจดีกว่า แหงนหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน” น.ต. วุฒิพงศ์กล่าว
นันทนาเผยอีกว่า ไม่ใช่การขู่ เพราะมีกระบวนตอบแทนเรื่องตำแหน่งในกรรมาธิการ แต่ที่ไม่ใช่ขู่แต่เป็นการปฏิบัติเลย คือมีกรรมการจริยธรรมของวุฒิสภา ที่ พล.อ. เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 เป็นประธาน สามารถตัดสินว่า สว. คนไหนผิดจริยธรรม นี่ไม่ได้ขู่แต่คือการปฏิบัติจริง และมีชื่อถูกร้องแล้ว สู้เพื่อให้สิ่งที่ถูกต้องเกิดขึ้นไม่หวั่นไหว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจ และมองเห็นว่าสิ่งที่ทำเราทำเพื่อให้เกิดความถูกต้องยุติธรรมในประเทศ
ขณะที่ ภัทรพงศ์ สุภักษร หรือ ‘ทนายอั๋น บุรีรัมย์’ กล่าวว่า มีการส่งสัญญาณจะสกัด สว. สีน้ำเงิน จะลุยให้สุดซอย ผู้ที่ลงมติรับรององค์กรอิสระวันนี้ ไม่สนใจเรื่องจริยธรรม ไม่สนใจเรื่องขัดผลประโยชน์ ไม่สนใจสิ่งที่ชอบธรรมด้วยกฎหมาย ถือเป็นศัตรูกัน มือปราบ สว. น้ำเงิน และเป็นศัตรูกับประชาชนหลายล้านคน
ทั้งนี้ จะไปฟ้อง ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบจริยธรรม การกระทำชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และขัดผลประโยชน์ตามรัฐธรรมนูญที่ห้ามไว้ ที่จะส่งผลกระทบต่อ สว. น้ำเงิน และสัปดาห์หน้าจะยื่นหนังสือต่อผู้นำฝ่ายค้าน พรรคประชาชน มาดูกันว่า สส. พรรคประชาชน และพรรคที่อยู่เคียงข้างประชาชนจะมีถึง 50 คนหรือไม่
“พวกคุณทั้งหลายไปให้สุด ผมเข้าใจว่าทำไมพวกคุณถึงไม่ยอมฟังเสียงประชาชน เพราะความหน้าด้านมันเต็มเปี่ยม ทำไมเป็นแบบนั้น หรือเพราะขาข้างหนึ่งอยู่ในคุกแล้ว” ภัทรพงศ์กล่าว
ภัทรพงศ์ย้ำด้วยว่า คณะกรรมการสืบสวนฯ จะออกหมายเรียกรอบที่ 6 บอกได้เลยว่า น่าจะเป็น ‘เจ๊ใหญ่เมืองอำนาจเจริญ’ รอบที่ 7 เป็นบรรดา ‘ลูกเทพ’ และรอบที่ 8 คือ ‘เจ้าพ่อเขากระโดง’