วันนี้ (2 กันยายน) สมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา ครั้งที่ 14/2565 เพื่อพิจารณาคำร้องขอให้สอบสวน ส.ว. ตามประมวลจริยธรรม และข้อกล่าวหาเรื่องการแต่งตั้ง ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม และ ส.ท.หญิง ปัทมา ศิริรัตน์ มาช่วยงานวุฒิสภา
โดยสมชายเปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติรับคำร้องทั้ง 2 เรื่อง ซึ่งในรายละเอียดมีหลายข้อกล่าวหาที่ต้องพิจารณา จริงเท็จยังไม่ทราบ จึงต้องไปดูเอกสารหลักฐาน โดยการพิจารณาจะใช้กรรมการเต็มคณะ โดยไม่ต้องตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานขึ้นใหม่ พร้อมทั้งยืนยันจะพิจารณาอย่างรวดเร็ว โดยนัดหมายการประชุมในวันที่ 5 กันยายน, 8 กันยายน และ 12 กันยายน 3 นัดรวด เพื่อเร่งพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใต้กำหนดเวลา 60 วันตามข้อบังคับ
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติให้ พล.อ. สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา ลงนามเอกสารเรียกข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันนี้ ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.), กองบัญชาการกองทัพไทย, กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า
จากนั้น วันที่ 5 กันยายน ซึ่งเป็นการประชุมนัดถัดไปนั้น จะเรียกเอกสารทั้งหมดของวุฒิสภา ในการแต่งตั้งบุคคลดังกล่าวว่าเกี่ยวข้องกับตำแหน่งใดๆ ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หรือวุฒิสภาบ้าง แล้วเวลา 11.00 น. จะเชิญ วัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ร้องมาให้ข้อมูลกับคณะกรรมการจริยธรรม
ส่วน ธานี อ่อนละเอียด ส.ว. ในฐานะผู้ถูกร้อง จะเชิญมาในอีกสัปดาห์ถัดไป ซึ่งที่ผ่านมาก็มีเพียงคำแถลง ที่อ้างว่าพร้อมให้ข้อมูลกับกรรมการจริยธรรม ยืนยันต้องให้โอกาสทุกฝ่าย ให้ความเป็นธรรมกับทุกท่าน
ผู้สื่อข่าวถามถึงหลักฐานภาพที่วัชระนำมายื่นให้เพิ่มเติม ว่าจะมีน้ำหนักพอให้วินิจฉัยถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ส.ว. และ ส.ต.ท.หญิง หรือไม่ สมชายกล่าวว่า ก็เป็นส่วนหนึ่ง คนทำบุญทอดผ้าป่ากฐินกันได้ ก็ไม่ตัด ต้องเอามาดู แล้วให้ผู้ถูกร้องชี้แจง
ส่วนข้อเสนอให้เชิญ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สมชายเผยว่าที่ประชุมยังไม่ได้พิจารณา เป็นข้อมูลหนึ่งที่อาจพิจารณาว่าจะเชิญหรือไม่ ซึ่งต้องดูตามเอกสารที่เราจะขอไปก่อนว่าเพียงพอหรือยัง
สำหรับกระแสที่มองว่าเป็นการตรวจสอบภายในกันเอง สมชายมองว่าไม่น่าเป็นห่วงเลย เพราะแต่ละท่านก็เป็นผู้แทนมา ประธานก็เป็นรองประธานวุฒิสภา หลายท่านเป็นนักกฎหมายผู้ใหญ่ เรื่องใดถูกเรื่องใดผิดเราจะพิจารณาตรงไปตรงมา ยืนยันมีมาตรฐาน ไม่มีการช่วยกัน
ส่วนผลการพิจารณา สมชายอธิบายว่า ถ้าไม่ร้ายแรงก็เสนอต่อที่ประชุมสภา ก็อาจมีบทลงโทษเป็นการตำหนิ ตักเตือน หรือเห็นว่าร้ายแรงต้องส่งต่อไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
“วุฒิสภาทำหน้าที่ตัวเองได้ เป็นสภาที่มีวุฒิภาวะอยู่แล้ว มีความหนักแน่นตามข้อกฎหมาย” สมชายกล่าว
