วันนี้ (25 เมษายน) ที่อิมแพ็ค ฟอรั่มเมืองทองธานี พล.ต.ท. คำรบ ปัญญาแก้ว อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะ สว. ในบัญชีรายชื่อสำรอง ได้โชว์เอกสารที่อ้างว่าเป็นโพยฮั้วเลือก สว. ที่พบตกอยู่ในห้องน้ำ โดยเชื่อว่าผู้สมัคร สว. ระดับประเทศที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดน่าจะขยำทิ้งไว้ในห้องน้ำแต่ไม่ลงถัง คนที่เข้าห้องน้ำต่อจึงเก็บได้ แล้วถ่ายรูปส่งมาในไลน์
พล.ต.ท. คำรบ กล่าวต่อไปว่า เมื่อแกะดูพบว่าคะแนนตรงกันกับ สว. ที่ได้รับเลือกทุกกลุ่ม นอกจากนี้ ยังมีโพยที่ 2-3 ตามมา รวมเป็นสิบกว่าโพย แต่ละโพยจะมีหัวรายชื่อประมาณ 7 คน รวมเป็นจำนวน 140 คน เกาะกลุ่มกันทั้งหมด ซึ่งข้อเท็จจริง ใน 140 รายชื่อ เป็น สว.ตัวจริง 138 รายชื่อ
พล.ต.ท. คำรบ ระบุว่า วันนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พยายามนำ CCTV มานำเสนอ แต่ยังไม่ครอบคลุม จึงมีการประสานงานกันต่อว่าจะขอร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดหีบเพื่อดูบัตรที่อยู่ในกล่อง โดยเฉพาะในรอบสุดท้ายที่มีการเลือกไขว้ จะรู้ว่าที่มาของ สว. ที่ได้ 70-80 คะแนน มีที่มาอย่างไร โดยเรากำลังประกาศกับ DSI ว่าหากหีบเปิดได้ยิ่งดี แต่ถ้าเปิดไม่ได้อาจดูจากกล้อง CCTV เพราะมีบันทึกไว้อยู่แล้ว เราจะเห็นว่าเป็นหลักฐานจะได้รู้ว่าไม่มโน
สำหรับข้อวิจารณ์ที่ว่า กลุ่ม สว. สำรอง ที่มาร้องเรียนเรื่องฮั้ว สว. นั้น ก็ฮั้วเหมือนกันแต่ไม่ชนะ พล.ต.ท. คำรบ ตอบว่า ไม่เป็นไร ใครมีพยานหลักฐานก็ขอให้เอามาเปิดเผยได้ เพราะเรื่องนี้กล่าวหากันได้หมด สว. สำรองบางส่วนก็มีปัญหา โดน DSI ตรวจสอบด้วยเหมือนกัน ไม่ต่ำกว่า 2-3 คน ทั้งที่ฮั้วหรือที่ไม่ฮั้วแต่ได้คะแนนมาโดยไม่สุจริตเที่ยงธรรม
ส่วนกรอบเวลา 1 ปี ที่ กกต. ต้องตรวจสอบคุณสมบัติ สว. ตัวจริงตอนนี้ใกล้ครบเวลาแล้ว กังวลหรือไม่ว่า กกต. จะทำงานไม่ทัน พล.ต.ท. คำรบ กล่าวว่า การตรวจสอบดังกล่าวเป็นระเบียบภายในที่ต้องส่งให้ กกต. ภายใน 1 ปี ซึ่งข้อเท็จจริงยังไม่พบว่าตามกฎหมายเกิน 1 ปีได้หรือไม่ ที่ผ่านมาประชาชนยังไม่ได้ฟังจาก กกต. ชัดเจนว่า 1 ปีสามารถขยายได้หรือไม่ ซึ่งส่วนตัวคิดว่า 1 ปีควรจะจบได้แล้ว