วันนี้ (31 มีนาคม) การประชุมวุฒิสภา ที่มี บุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 เป็นประธานการประชุม ทันทีที่เปิดการประชุม บุญส่งได้แจ้งต่อที่ประชุมถึงสถานการณ์เหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ทำให้มีผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตทั้งในประเทศไทยและเมียนมา ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่ามีความรุนแรงขนาด 8.2 ลึก 10 กิโลเมตร มีศูนย์กลางที่ประเทศเมียนมา ในนามวุฒิสภาขอส่งความห่วงใยถึงประชาชนที่รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต พร้อมนำสมาชิกยืนไว้อาลัยในเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเวลา 1 นาที
ก่อนที่บุญส่งจะแจ้งต่อที่ประชุมว่า ประธานวุฒิสภาพร้อมด้วย สว. นำทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญจากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ผู้แทนกรมโยธาธิการและผังเมือง พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าสำรวจอาคารรัฐสภาฝั่งวุฒิสภาเรียบร้อย ซึ่งผลการตรวจสอบยืนยันว่ามีความมั่นคงแข็งแรง ปลอดภัย สามารถเปิดทำการได้ตามปกติ รวมถึงได้มีการซ้อมแผนอพยพเมื่อมีเหตุฉุกเฉินภายในประชุมวุฒิสภาแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันความเสียหายและเพิ่มความปลอดภัยให้สมาชิก สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้ขออนุญาตนำอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย ประกอบด้วย หมวกนิรภัย เสื้อสะท้อนแสง ไฟฉายและนกหวีด เข้ามาเตรียมไว้ในห้องประชุม โดยจัดวางไว้ที่ที่นั่งของสมาชิกทุกคน เพื่อความสะดวกในการใช้งาน
จากนั้น นพดล อินนา สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้ลุกขึ้นรายงานความปลอดภัยของการใช้อาคารรัฐสภา โดยได้สวมอุปกรณ์หมวกนิรภัยและเสื้อสะท้อนแสง เพื่อเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ต้องปฏิบัติอย่างไร พร้อมเล่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อศุกร์ที่ผ่านมา แม้ว่าจะคุ้นเคยกับอาคารรัฐสภาฝั่งวุฒิสภา แต่ก็ไม่คุ้นเคยกับพื้นที่ฝั่งสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุตนวิ่งลงมาชั้นล่างจึงไม่รู้ว่าประตูหนีไฟที่ใกล้ที่สุดและจุดรวมพลอยู่ตรงไหน เพราะอาคารรัฐสภาใหญ่มาก โชคดีที่เจ้าหน้าที่รัฐสภามีความชำนาญจึงนำไปที่จุดรวมพล
หลังเกิดเหตุเมื่อวานนี้ได้มีการซักซ้อมแผนอพยพที่อาคารรัฐสภา โดยประสานหน่วยตำรวจน้ำในกรณีเกิดเหตุมีคนบาดเจ็บก็สามารถส่งตัวไปวชิรพยาบาลได้ภายใน 5 นาที โรงพยาบาลศิริราชภายใน 10 นาที จึงได้บอกกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่าหากเกิดเหตุภัยพิบัติต่างๆ ให้ส่งข้อความทาง LINE แจ้งเตือนโดยด่วน และประธานวุฒิสภาได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารเหตุการณ์พิเศษแผ่นดินไหวของวุฒิสภา เพื่อรองรับสถานการณ์และป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยมีเลขาฯ เป็นประธาน