×

สว. รวมตัวลุกปกป้องอำนาจ 1 ใน 3 วุฒิสภาโหวตเห็นชอบ รธน. เปรียบเป็นผ้าเบรกนิรภัย

โดย THE STANDARD TEAM
11.12.2025
  • LOADING...
สว. รวมตัวลุกปกป้องอำนาจ 1 ใน 3 วุฒิสภาโหวตเห็นชอบ รธน. เปรียบเป็นผ้าเบรกนิรภัย

วันนี้ (11 ธันวาคม) เวลาประมาณ 16.20 น. ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาได้พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 2 มาจนถึงมาตรา 256/28 ซึ่งเป็นมาตราสำคัญว่าด้วยการลงมติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญของรัฐสภา โดยมี สว. จำนวนมาก ลุกขึ้นอภิปรายสนับสนุนการแปรญัตติ ให้คงอำนาจของ สว. จำนวน 1 ใน 3 ของวุฒิสภา ไว้เป็นเงื่อนไขของการโหวตเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญด้วย

 

พิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. กล่าวว่า เหตุที่ยืนหยัดเรื่องนี้ ไม่ใช่เพราะหวงแหนอำนาจของวุฒิสภา แต่เพื่อรักษาดุลยภาพแห่งอำนาจของประชาธิปไตย คือป้องกันเผด็จการรัฐสภา และเสียง สว. 1 ใน 3 ทำหน้าที่เป็นเบรกนิรภัยให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่

 

“หากพวกท่านตัดเสียงวุฒิสภา 1 ใน 3 ออกไป ก็เท่ากับเรากำลังขับรถยนต์ที่แรงจัด แต่ไร้ระบบเบรก ประเทศไทยไม่ใช่รถของเล่น จึงต้องมีเสียง 1 ใน 3 ของวุฒิสภา เพื่อไม่ให้รถแหกโค้ง” พิสิษฐ์กล่าว

 

ขณะที่ ชินโชติ แสงสังข์ สว. กล่าวว่า หากในอนาคตมีเผด็จการรัฐสภา หากไม่มี สว. เป็นตัวกรองสุดท้าย เพื่อสกัดเสียงที่ไม่ชอบธรรม ถึงวันนั้นเราจะเคว้งคว้าง ไม่มีองค์กรอะไรเป็นองค์กรสุดท้าย ตนเองถือว่าทั้ง 2 สภา เราร่วมกันทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ และยืนยันว่า ต้องคงเสียง 1 ใน 3 ของวุฒิสภาไว้

 

“ผมพายเรือไปโรงเรียนตอนผมเด็กๆ ผมถูกเพื่อนผมในเรือนั้นรังแก ทำร้ายผม ผมไม่มีทางสู้ ผมเก็บความเจ็บใจไว้ตามประสาเด็กที่ไร้เดียงสา ผมเก็บความเจ็บปวดไว้ อีก 15 วันต่อมา ผมจำเป็นต้องคว่ำเรือลำนั้น เพื่อให้เปียกไปด้วยกัน ผมขอฝากไปยังประธานคณะกรรมาธิการ และกรรมาธิการฯ เสียงข้างมาก และสมาชิกรัฐสภาทุกคน ระวังเรือจะล่มครับ” ชินโชติกล่าว

 

สว. เสียงข้างน้อยลุกค้าน ส่วนวิโรจน์แขวะ เหยียบเบรกมากรถก็คว่ำ

 

ถึงแม้จะมี สว. จำนวนมาก อภิปรายสนับสนุนให้คงอำนาจ 1 ใน 3 ของวุฒิสภาไว้ เช่น ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน, พ.ต.อ. กอบ อัจนากิตติ, ประเทือง มนตรี และ อัจฉรพรรณ หอมรส แต่ก็มี สว. บางส่วนที่แสดงความเห็นคัดค้าน เช่น นันทนา นันทวโรภาส และ เทวฤทธิ์ มณีฉาย

 

นันทนาชี้ว่า การมีผู้แปรญัตติเป็น สว. ที่มาจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และให้ สว. ยังมีอำนาจ 1 ใน 3 ถือเป็นประโยชน์ทับซ้อนชัดเจน เอื้อสถานะของ สว. เรียกได้ว่า ชงเอง กินเอง และที่มาของ สว. ชุดนี้ มาจากการเลือกกันเอง ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน ต่างจาก สส. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง การแก้ไขรัฐธรรมนูญตามอาณัติของประชาชนจึงควรเป็นอำนาจของ สส. เป็นสำคัญ การมอบอำนาจให้ สว. ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จึงไม่ใช่การถ่วงดุล แต่เป็นการขโมยอำนาจของประชาชนไปให้กับกลุ่มก๊วนที่ฮั้วกันมา

 

ต่อมา วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า เคารพคําพูดที่บอกว่า สว.ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งทางตรง แต่เทียบสัดส่วนไม่ได้กับการเลือกตั้ง สส. ฉะนั้น การถ่วงดุลอย่างได้สัดส่วน คืออํานาจใดที่ยึดโยงกับประชาชนอย่างแนบแน่น ได้รับอํานาจทางตรงจากประชาชน ย่อมต้องมีอํานาจมากสมควร ขณะที่อํานาจใดที่ยึดโยงกับประชาชนน้อย มาจากทางอ้อม ก็ต้องลดหลั่นตามสัดส่วนลงมา

 

“ท่านเคยนั่งรถของโชเฟอร์ที่ขับไปเหยียบเบรคไป จึ๊กๆๆๆ คนที่โดยสารอาเจียน ไปไม่ถึงที่หมาย ท่านจะเบรคอะไรกันนักกันหนา อยู่ดีๆ เขาเหยียบคันเร่งกันมา 80 กม.ต่อ ชม. ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง แต่บางท่าน อย่าง สว. พิสิษฐ์ ดึงเบรคมือซะอย่างนั้น รถก็หมุน รถคว่ำ รถยนต์ที่ชื่อว่าประชาธิปไตย ที่ชื่อประเทศไทย จะไปสู่จุดหมายได้อย่างไร” วิโรจน์กล่าว

 

ด้านพิสิษฐ์ ได้ลุกประท้วงวิโรจน์ด้วย โดยกล่าวว่า รัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจนว่าต้องใช้เสียงของ สว. 1 ใน 3 ท่านอยากให้เราเคารพกติกาของท่าน แต่เหตุใดท่านกลับไม่เคารพกติกาที่ใช้กันอยู่ปัจจุบัน เพราะทุกคนก็เข้ามาตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญปี 2560 นอกจากนี้ท่านยังกล่าวว่าเหตุใดสมาชิกรัฐสภาไม่ปกป้องคุ้มครองเสียงของประชาชน

 

จากนั้นเกิดการประท้วงชุลมุนกันอยู่ช่วงหนึ่ง จนทําให้ มงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ซึ่งเป็นประธานการประชุมในขณะนั้น ต้องกล่าวว่า ขอให้ทุกท่านหยุดแค่นี้ ไม่ต้องประท้วงอะไรกันอีกแล้ว

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising