×

สว. ลงมติเห็นชอบ กกต. เพิ่ม 2 คน แม้เสียงข้างน้อยหนุนให้ชะลอ หวั่นผลประโยชน์ทับซ้อนเหตุพัวพันคดี

โดย THE STANDARD TEAM
20.10.2025
  • LOADING...

วันนี้ (20 ตุลาคม) ในการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 26 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1 ก่อนเข้าสู่วาระพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 2 คน ประกอบด้วย อนันต์ สุวรรณรัตน์ และ ณรงค์ รักร้อย หลังจากกรรมาธิการสอบประวัติฯ ได้ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามแล้ว ได้เปิดโอกาสให้สมาชิกลุกขึ้นอภิปรายแสดงความเห็น

 

ปริญญา วงศ์เชิดขวัญ สว. อภิปรายว่า ทั้ง 2 ท่านที่จะได้รับการเสนอชื่อเข้ามาในวันนี้ ทั้งอดีตผู้ว่าราชการจังหวัด และอดีตปลัดกระทรวง แต่ก็ทราบข่าวมาว่าทั้งสองท่านนี้จะได้เข้ามาเพียง 1 คนเท่านั้น ก็ฝากประชาชนติดตามต่อว่าเป็นเพราะเหตุอะไร

 

“แต่ที่สำคัญขอฝากไปยังทั้ง 2 ท่าน หากได้เข้ามาว่า ระยะเวลาในการทำงานของ กกต. มี 7 ปี ว่าท่านคงไม่เป็นขี้ข้าของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่ขอให้ท่านมาเป็นขี้ข้าประชาชน หรือขี้ข้าของประเทศชาติ เพื่อทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ให้ประเทศชาติของเรา” ปริญญากล่าว

 

จากนั้น นันทนา นันทวโรภาส สว. ระบุว่า ได้เตือนหลายครั้งแล้วว่าหากท่านมีจิตสำนึกในความรักชาติ ก็ไม่ควรลงมติในการแต่งตั้งบุคคลเข้าไปทำหน้าที่ในองค์กรอิสระ จนกว่าจะสิ้นสุดคดีที่ท่านพัวพันอยู่ ท่านก็หารับฟังไม่ การใช้ช่องว่างทางกฎหมายฮั้วเข้ามาจนได้ สว. เสียงข้างมาก ได้รับการพิสูจน์ทางวิชาการแล้ว การลงมติครั้งนี้ผ่านมาจากกรรมาธิการสอบประวัติฯ ที่ 13 ใน 15 คน ของกรรมาธิการชุดนี้ เป็นผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาคดีฮั้ว สว. และประธานกรรมาธิการชุดนี้เป็นอดีตผู้บังคับบัญชาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมคนปัจจุบัน มันสง่างามแล้วหรือ

 

ซึ่งระหว่างนั้น ได้มี ประเทือง มนตรี สว. ลุกขึ้นประท้วงการอภิปรายของนันทนา ที่ได้วิจารณ์เรื่องที่มาของ สว. แต่นันทนาได้ถามกลับว่า ประท้วงด้วยข้อบังคับอะไร และประธานอนุญาตได้อย่างไร ทำให้ บุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุมในขณะนั้น ได้ปิดไมค์ของทั้งสองคน ก่อนจะให้นันทนาอภิปรายต่อ

 

ปูดข่าวรั่ว เห็นชอบ 1 ตีตก 1

 

ต่อมา เทวฤทธิ์ มณีฉาย สว. ได้ยกตัวอย่างในอดีตที่บุคคลในองค์กรอิสระ เช่น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ถอนตัวจากคดีที่พิจารณา เพราะเกรงว่าจะมีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน หรือในคดีแหวนมารดานาฬิกาเพื่อน ประธานคณะกรรมการการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในขณะนั้นก็ได้ถอนตัวจากการพิจารณาคดี หลังจากถูกวิจารณ์ว่ามีความใกล้ชิดกับพลเอกประวิตรวงษ์สุวรรณซึ่งเป็นคู่กรณี

 

เทวฤทธิ์กล่าวว่า หวังว่าผู้ได้รับเสนอชื่อเป็น กกต. ทั้ง 2 ท่าน ให้พิจารณาว่าจะไม่มีส่วนในคดีที่เกี่ยวข้องกับ สว. ที่กำลังถูกตรวจสอบอยู่ ซึ่งมีจำนวนถึง 1 ใน 3 ของวุฒิสภา ขอให้นำบรรทัดฐานในอดีตมาเป็นแนวทางเรื่องการขัดกันแห่งผลประโยชน์ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาทางมาตรฐานทางจริยธรรมในอนาคต

 

ต่อมา นพ. เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. ได้ตั้งคำถามถึงผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในการลงมติเห็นชอบองค์กรอิสระ ซึ่งตรงข้ามกับความคิดเห็นของประชาชน เช่นการลงมติเห็นชอบตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือกรรมการ ป.ป.ช. ที่ผ่านมา ผู้ที่ถูกตีตกไปกลับได้รับความรู้สึกเห็นชอบมากกว่าผู้ที่ได้คะแนนเสียงข้างมาก หากประชาชนรู้สึกว่า คนในองค์กรอิสระที่ถูกเลือกโดยกลุ่มที่ไม่เป็นอิสระ หรือมีส่วนได้เสียจากการเลือก ก็จะลดความเชื่อมั่นต่อการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ แล้วจะได้รัฐบาลออกมาเป็นอย่างไรก็ลองหลับตานึกดู

 

นพ. เปรมศักดิ์ชี้ว่า การเลือก กกต. ส่งผลทั้ง 2 สภา ดังนั้น การลงมติครั้งนี้จะเป็นการประลองกำลังระหว่างขั้วอำนาจทางการเมือง พี่พยายามผลักดันคนของตนเองไปเป็น กกต. หรือไม่ จึงขอทักท้วงไว้ และการเลือกวันนี้มีข่าวรั่วออกมา ว่า คนที่เคยเป็นผู้ว่าฯ จะผ่าน ส่วนคนที่เคยเป็นปลัดกระทรวงจะไม่ผ่าน

 

“ท่านประธานแปลกใจหรือไม่ครับว่า คนที่เคยเป็นปลัดกระทรวง มีประสบการณ์มากมาย ซี 11 ทำไมจึงจะไม่ผ่าน เหตุผลง่ายๆ คือสั่งไม่ได้ ความจริง กกต. ต้องสั่งไม่ได้ ในอดีตคงเคยเห็น กกต. หลายคน แม้กระทั่งอดีตประธาน กกต. ติดคุกติดตาราง เพราะสั่งได้นี่แหละ เมื่อมีข่าวรั่วออกมาแบบนี้ก็ไม่สบายใจ ส่วนอีกท่านหนึ่งเป็นอดีตผู้ว่าฯ แต่กลับมีข่าวว่าจะได้เสียงล้นหลาม เพราะว่าสั่งได้ เป็นเด็กในคาถา ผมไม่อยากให้ข่าวลือหรือข่าวรั่วที่ออกมาเป็นความจริง ถ้าท่านลงคะแนนมาแล้วเป็นอย่างข่าวลือ ผมก็ช่วยอะไรไม่ได้” นพ. เปรมศักดิ์กล่าว

 

นพ. เปรมศักดิ์ทิ้งท้ายด้วยว่า อะไรก็ตามที่ว่าแน่ๆ ว่าจัดการได้ บงการได้ หลายครั้งก็หงายท้องเป็นประวัติศาสตร์มาแล้ว ก่อนที่ประชุมจะดำเนินเข้าสู่การประชุมลับเพื่อพิจารณาคุณสมบัติของผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็น กกต. ทั้ง 2 คน

 

ผลลงมติฉลุยทั้ง 2 คน นั่ง กกต.

 

จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาแล้วเสร็จ และเข้าสู่การลงมติให้ความเห็นชอบแบบลับ ผลการลงมติปรากฏว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ อนันต์ สุวรรณรัตน์ ดำรงตำแหน่ง กกต. ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 137 เสียง ไม่เห็นชอบ 1 เสียง งดออกเสียง 29 เสียง และเห็นชอบให้ ณรงค์ รักร้อย ดำรงตำแหน่ง กกต. ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 135 เสียง ไม่มีเสียงไม่เห็นชอบ และงดออกเสียง 32 เสียง

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising