วันนี้ (27 มีนาคม) จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เข้าประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ซึ่งมีทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยภายหลังการประชุม จุรินทร์กล่าวว่าในเรื่องของไข่ไก่ ภายหลังจากที่ได้ลงนามในประกาศห้ามส่งออกไข่ไก่ไปนอกราชอาณาจักรเป็นเวลา 7 วัน นับตั้งแต่เมื่อวานเป็นต้นมา
วันนี้จึงจะต้องดำเนินการมาตรการตามกฎหมาย คือจะต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมของ กกร. เพื่อให้ความเห็นชอบ ซึ่งวันนี้ที่ประชุมก็ได้มีความเห็นชอบและให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะประธาน กกร. สามารถใช้ดุลพินิจในการที่จะขยายเวลาไปได้รวมทั้งหมดตั้งแต่วันประกาศไม่เกิน 30 วัน หากว่ามีความจำเป็นต้องห้ามส่งออกนานกว่านั้นก็จะต้องกลับมาขออนุมัติที่ประชุมใหม่
อย่างไรก็ตาม สำหรับปริมาณการผลิตไข่ไก่จะมีการผลิตวันละประมาณ 41 ล้านฟอง และบริโภคในประเทศประมาณ 39 ล้านฟองในภาวะปกติ เพราะฉะนั้นมาตรการที่กระทรวงพาณิชย์กำลังดำเนินการคือทำอย่างไรที่จะให้ไข่ไก่ที่ผลิตได้วันละ 41 ล้านฟองในแต่ละวันสามารถสนองตอบความต้องการของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด
นี่เป็นประเด็นที่มาของมาตรการที่ 1 คือการห้ามส่งออกไปนอกราชอาณาจักร โดยมีข้อมูลบางส่วนว่าอาจจะมีการลักลอบส่งออกตามบริเวณชายแดน ซึ่งจะทำให้ปริมาณขายในประเทศไม่เพียงพอต่อการบริโภค
มาตรการที่ 2 ก็คือสำหรับผู้ที่กักตุนไข่ไว้ ทำให้ไข่ไม่สามารถออกสู่ตลาดเพื่อสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้นั้นจะถูกดำเนินคดีอย่างเคร่งครัดทั้งในข้อหากักตุนและค้ากำไรเกินควร ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ประเด็นปัญหาที่ไข่ในตลาดในขณะนี้ยังมีไม่เพียงพอ เนื่องจากผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยมีความต้องการที่จะซื้อไข่ไปเก็บไว้เพื่อบริโภคที่บ้านในปริมาณที่มากกว่าปกติ ซึ่งตัวเลขที่กรมการค้าภายในได้ติดตามในเวลาไม่กี่วันมานี้ พบว่ามีความต้องการสูงขึ้นถึง 3 เท่าจากภาวะปกติที่ปริมาณการผลิตไข่วันละ 41 ล้านฟองมีเพียงพอ และบางช่วงเหลือส่งออกด้วยซ้ำ ซึ่งมีบางช่วงที่รัฐบาลเคยช่วยส่งเสริมการส่งออกและช่วยอุดหนุนการส่งออกฟองละ 46 สตางค์ ดังนั้นห้างสรรพสินค้าหลายแห่งในขณะนี้จึงใช้มาตรการจำกัดปริมาณการซื้อ ไม่ให้ซื้อไปเก็บไว้สำหรับคนคนเดียวมากเกินไป ทำให้คนอื่นไม่มีโอกาสได้ซื้อ และเท่าที่ติดตามจะมีไข่ชุดใหม่ออกมาสู่ตลาดทุกๆ วัน
ขณะนี้หัวใจสำคัญคือสำหรับผู้ที่กักตุนทำให้ไข่ขาดตลาด พวกที่คิดจะลักลอบนำไข่ออกไปบริเวณชายแดน รวมทั้งผู้ที่ขายเกินราคา จะต้องถูกกำหนดดำเนินคดีโดยเด็ดขาด โดยจะมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ซึ่งถึงขณะนี้ได้มีการดำเนินคดีในหลายจังหวัดทั่วประเทศ
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อวานนี้นอกจากคดีที่จังหวัดพิษณุโลกที่ค้ากำไรเกินควร ยังมีที่เขตราชเทวี คือร้านไข่ไก่สวนฟาร์มกิตติคุณ ซึ่งขายไข่ไก่เบอร์ศูนย์ราคา 200 บาทต่อแผง และได้ส่งดำเนินคดีที่ สน.ดินแดง รวมทั้งร้านอื่นๆ ที่ถูกดำเนินคดีจำนวนหนึ่ง โดยในนโยบายได้มีการสั่งการให้ทุกจังหวัดดำเนินคดีโดยเคร่งครัด รวมทั้งสกัดกั้นการลักลอบส่งออกตามบริเวณชายแดนด้วย
ล่าสุดวันนี้ที่อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม กำลังดำเนินคดีกับฟาร์มซึ่งขายไข่ไก่หน้าฟาร์มในราคา 3.80 บาท จากราคาที่สมาคมฯ ประกาศฟองละ 2.80 บาท ส่วนที่จังหวัดนครสวรรค์ก็กำลังดำเนินคดีอยู่ ณ เวลานี้เช่นกัน ซึ่งขายหน้าฟาร์มราคาเฉลี่ยฟองละ 3.20 บาท จากราคาที่ประกาศ 2.80 บาท ที่อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ ชื่อฟาร์มกนกวรรณ
“สิ่งหนึ่งที่จะขอเน้นย้ำคือขอฝากเตือนผู้ที่จะกระทำการดังกล่าวถือเป็นการซ้ำเติมความทุกข์ของประชาชนในขณะนี้ ซึ่งนอกจากทุกคนจะต้องร่วมกันในการประสบภัยโควิด-19 แล้ว ผมไม่อยากเห็นการแสวงหาประโยชน์จนเป็นการซ้ำเติมความทุกข์ของประชาชนในภาพรวม ช่วงเวลานี้เราจะเห็นได้ชัดว่าศาลพิพากษาจำคุกจริงๆ เพราะฉะนั้นจึงไม่คุ้มกันกับการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว จึงอยากขอให้ช่วยซื้อเท่าที่รับประทานได้ในช่วงเวลาไม่นาน และออกไปซื้อใหม่ ซึ่งจะช่วยให้หลายๆ คนมีไข่เพื่อนำไปบริโภคได้หลายรายมากขึ้น” จุรินทร์กล่าวในที่สุด
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์