ก.ล.ต. เตือนผู้ถือหุ้น JTS ไปใช้สิทธิออกเสียงกรณีเข้าลงทุนในธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์เพิ่มเติม ซึ่งที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเห็นว่าโครงการมีความเสี่ยงที่บริษัทไม่สามารถควบคุมได้
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ขอให้ผู้ถือหุ้น บมจ.จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น หรือ JTS ศึกษาข้อมูลและไปใช้สิทธิออกเสียงในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 ผ่านระบบออนไลน์ กรณีบริษัทและ/หรือบริษัทย่อยจะเข้าลงทุนในธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์เพิ่มเติม โดยที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเห็นว่า โครงการลงทุนดังกล่าวมีความเสี่ยงสำคัญที่บริษัทไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งมีผลกระทบต่อผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ ผู้ถือหุ้นจึงไม่ควรอนุมัติการลงทุนในครั้งนี้
สืบเนื่องจากคณะกรรมการ JTS (เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2564) ได้มีมติเห็นชอบในการจัดซื้อเครื่องขุดบิทคอยน์จำนวนไม่เกิน 6,300 เครื่อง พร้อมระบบไฟฟ้าและระบบที่เกี่ยวข้องอื่นๆ คิดเป็นมูลค่าลงทุนรวมไม่เกิน 3,300 ล้านบาท โดยแบ่งรายการออกเป็น ดังนี้
- บริษัท จัสเทล เน็ทเวิร์ค จำกัด (JASTEL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ JTS จะจัดซื้อเครื่องขุดบิทคอยน์จำนวน 1,800 เครื่อง จากบริษัท พรีเมียม แอสเซท จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในกลุ่ม บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ JAS ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ JTS คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 741.60 ล้านบาท โดยเป็นการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์และรายการที่เกี่ยวโยงกัน
- JTS หรือ JASTEL จะจัดซื้อเครื่องขุดบิทคอยน์จำนวนไม่เกิน 4,500 เครื่อง พร้อมระบบไฟฟ้าและระบบที่เกี่ยวข้องอื่นๆ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวมไม่เกิน 2,558.40 ล้านบาท โดยเป็นการจัดซื้อจากผู้ผลิตโดยตรง ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่ไม่เข้าข่ายเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท
จากรายการลงทุนที่กล่าวมาข้างต้น คณะกรรมการบริษัทของ JTS เห็นว่า การจัดซื้อเครื่องขุดบิทคอยน์ในครั้งนี้มีความสมเหตุสมผล และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อ JTS, JASTEL และกลุ่มบริษัท เพราะจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจขุดเหมืองบิทคอยน์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่จะเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้แก่กลุ่มบริษัท ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตและสร้างผลประโยชน์ รวมทั้งมูลค่าแก่บริษัทและผู้ถือหุ้นในระยะยาว
อย่างไรก็ดี ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) เห็นว่า จากการพิจารณาถึงความเสี่ยงและความเป็นไปได้ของโครงการลงทุนดังกล่าว ธุรกิจเหมืองขุดบิทคอยน์มีตัวแปรที่ JTS หรือ JASTEL ไม่สามารถควบคุมได้ และมีนัยสำคัญต่อกระแสเงินสดประกอบด้วย มูลค่าของบิทคอยน์ในอนาคต อัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลดอลลาร์ต่อบาทไทย จำนวนแฮชรวมของเครือข่าย (Total Network Hash Rate) ของเครื่องขุดบนเครือข่ายบิทคอยน์ทั้งหมด อัตราค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม (Transaction Fee) ของบิทคอยน์ที่ผู้ขุดจะได้รับ นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงของสมการ หรือกฎระเบียบ หรือสภาพแวดล้อมต่างๆ ก็มีผลต่อการขุดบิทคอยน์อย่างมีนัยสำคัญ
ประกอบกับเหรียญบิทคอยน์เองนั้น ไม่มีมูลค่าพื้นฐาน (Fundamental Value) ที่ชัดเจน ราคาของเหรียญบิทคอยน์ในปัจจุบันจึงเป็นราคาตลาดที่มีสมมติฐานจากความเป็นไปได้ของมูลค่าจากประโยชน์ที่อาจมีหรืออาจไม่มีของบิทคอยน์ในอนาคต (Future Value of Utility of Bitcoin)
IFA จึงไม่สามารถประเมินมูลค่ายุติธรรมในการลงทุนธุรกิจการขุดเหรียญบิทคอยน์ในครั้งนี้ได้ และเมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงและผลกระทบของความผันผวนของตัวแปรต่างๆ แล้ว IFA เห็นว่า โครงการลงทุนดังกล่าวมีความเสี่ยงที่สำคัญที่ JTS หรือ JASTEL ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งมีผลกระทบต่อผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น IFA มีความเห็นว่า ผู้ถือหุ้นควรลงมติไม่อนุมัติรายการดังกล่าว
ทั้งนี้ รายการดังกล่าวข้างต้นเป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์และรายการที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท ซึ่งต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน โดยไม่นับส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสีย
ก.ล.ต. จึงขอให้ผู้ถือหุ้นศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบและใช้สิทธิของผู้ถือหุ้นในการรักษาประโยชน์ของตนเอง พร้อมกับสอบถามผู้บริหาร JTS ถึงข้อมูลต่างๆ เพื่อให้มีข้อมูลครบถ้วนในการประกอบการตัดสินใจออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้นด้วย
ด้านราคาหุ้น JTS วันนี้ (11 กุมภาพันธ์) ปิดการซื้อขายที่ 271 บาท เพิ่มขึ้น 24 บาทจากวันก่อนหน้า หรือเพิ่มขึ้น 9.72% โดย ณ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ มีค่า P/E อยู่ที่ 1,048.23 เท่า และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาตลาด อยู่ที่ 174,494.95 ล้านบาท
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP