ในช่วงปลายปีที่แสงแดดเริ่มอ่อนแรงและมีสายลมหนาวมาแทนที่ มวลแห่งความสนุกสนานเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ หลายคนคงกำลังกระสับกระส่ายรอคอยร่วมงานเฟสติวัลขนาดใหญ่ที่จัดขึ้นปีละครั้งอย่าง Wonderfruit อย่างใจจดใจจ่อ
เสียงเพลง ปาร์ตี้ เครื่องดื่ม และการสังสรรค์กับเพื่อนฝูงในยามค่ำคืน น่าจะเป็นสิ่งแรกๆ ที่ผู้คนนึกถึงเมื่อได้ยินชื่อ Wonderfruit แต่นั่นอาจหมายถึงว่าคุณกำลังพลาดอะไรบางอย่าง…
ในร่มเงาของสิ่งปลูกสร้างสุดล้ำขนาดใหญ่ที่แวดล้อมไปด้วยสีเขียวของต้นไม้และใบหญ้า ผู้คนมากมายนั่งเอกเขนกล้อมวงสนทนาในประเด็นที่น่าสนใจ แต่ละคนกำลังอยู่ในอารมณ์ที่แสนผ่อนคลายและเป็นกันเอง บรรยากาศเหล่านี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงกลางวันของ Wonderfruit ทุกๆ ปี กับกิจกรรม Scratch Talks with SC ASSET ที่พยายามส่งมอบข้อความบางอย่างให้คนฟังได้แนวคิดดีๆ กลับไปใช้ นอกเหนือจากความสนุกจากปาร์ตี้ที่ล้นเหลือ
ปีนี้พิเศษยิ่งกว่าทุกปี เพราะ Scratch Talks with SC ASSET ที่กำลังจะเกิดขึ้นได้พันธมิตรร่วมอุดมการณ์อย่าง SC ASSET ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เชื่อเรื่องการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนมาร่วมออกแบบการสนทนาให้มีความใกล้ตัวผู้ฟังคนไทยมากยิ่งขึ้น
Sustainability, Co-Create, Reinvent คือคีย์เวิร์ดสำหรับสำหรับงานทอล์กในปีนี้ เรื่องเหล่านี้สำคัญอย่างไร จูน-โฉมชฎา กุลดิลก หัวหน้าสายงานสื่อสารองค์กร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะพาร์ตเนอร์สำคัญของงานทอล์กนี้ให้เหตุผลว่า
“ที่ผ่านมาในฐานะผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ เราพยายามจะสร้างโครงการที่อยู่อาศัยที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าอยู่แล้ว แต่พอยุคสมัยเปลี่ยน สังคมเชื่อมโยงกันหมด เราไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เราสร้างออกไปเป็นสิ่งที่ผู้คนอยากได้ขนาดนั้นจริงหรือเปล่า ซึ่งในเมื่อผู้คนในสังคมเชื่อมโยงกันง่ายขึ้น จะดีกว่าไหมถ้าเราจะร่วมกัน Co-create โดยเริ่มต้นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ชักชวนผู้คนที่หลากหลายทั้งผู้สูงอายุและคนรุ่นใหม่ให้มาร่วมกันสร้าง ร่วมกันเปลี่ยนแปลงในบริบทที่อยู่อาศัยที่ยั่งยืนในอนาคต”
ดังนั้นนอกจากเวิร์กช็อปที่น่าสนใจแล้ว ไฮไลต์ของ Scratch Talks with SC ASSET ใน Farm Stage ปีนี้ยังรวมถึงลิสต์ผู้พูดที่น่าสนใจมากมาย เริ่มตั้งแต่ ไดแอนนา โคเฮน นักสิ่งแวดล้อม และผู้ร่วมก่อตั้งองค์กร Plastic Pollution Coalition ที่มีส่วนผลักดันนโยบายจัดเก็บภาษีถุงพลาสติกในลอสแอนเจลิส ซึ่งจะมาให้มุมมองที่เป็นประโยชน์กับประเทศไทยที่มีสถิติการใช้พลาสติกมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก
สตีฟ กลาสเตอร์ ผู้ก่อตั้ง Freeland.org ที่พัฒนาสกุลเงินดิจิทัลเพื่อช่วยเหลือสัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อมอย่าง Tigercoin ซึ่งจะมาแชร์ประสบการณ์การทำงานเพื่อช่วยโลกและมวลมนุษยชาติผ่านช่องทางใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน
ความพิเศษของทอล์กในปีนี้ยังรวมถึง Panel Discussion โดย SC ASSET รวบรวมเหล่านักพูดหลากหลายมาร่วมกันถกเถียงเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของคนเมือง โดยมี โตมร ศุขปรีชา และทีปกร วุฒิพิทยามงคล นักคิด นักเขียน และผู้จัดรายการ Omnivore พอดแคสต์ชวนคิดที่กำลังมาแรง
อีกทั้ง ชาคริต จันทร์รุ่งสกุล เจ้าของบริษัท FireOneOne ผู้เชี่ยวชาญเรื่อง Transformation to Digital Economy สำหรับแบรนด์ต่างๆ เพื่อค้นหาทางออกในการใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์กับธุรกิจมากที่สุด
กาญจนา พันธุเตชะ ข้าราชการวัยเกษียณที่ไม่ปล่อยให้วัยเป็นอุปสรรคในการเป็นนักท่องโลก ซึ่งที่ผ่านมาเธอแบกเป้ออกเดินทางทั่วโลกเพียงลำพัง และเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาแชร์ร่วมกันในการสร้างสรรค์ประเทศไทยให้กลายเป็นสถานที่ที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุมากยิ่งขึ้น
ทอล์กครั้งนี้ยังรวมถึง เติร์ท-ธนาภพ อยู่วิจิตร ผู้เข้าแข่งขัน The Face Men Thailand เพศทางเลือกเพียงหนึ่งเดียวที่ฝ่าฟันเส้นแบ่งเรื่องเพศจนก้าวเข้าสู่รอบสุดท้ายของการแข่งขัน ซึ่งจะมาเผยมุมมองที่น่าคิดในการอยู่ร่วมกันของผู้คนในสังคมที่มีความแตกต่างหลากหลาย
“เรามั่นใจว่าคอนเทนต์มันดีจริงๆ เพราะว่าเป็นคอนเทนต์ที่ไม่ได้พูดเพื่อคนคนเดียว แต่พูดเพื่อสังคม ชุมชน ผู้คน และการอยู่อาศัยร่วมกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราอยากจะแชร์ให้กับผู้คนในยุคนี้” โฉมชฎากล่าวย้ำ
นอกจากเหล่านักพูดที่ชวนฟังแล้ว การออกแบบสถานที่และบรรยากาศให้เอื้อต่อการแชร์ความคิดร่วมกันยังเป็นโจทย์สำคัญที่ Wonderfruit ในปีนี้ให้ความสำคัญด้วย ซึ่ง พีท-ประณิธาน พรประภา ผู้ก่อตั้ง Wonderfruit Festival เล่าให้เราฟังว่า
“โจทย์สำคัญอยู่ที่จะทำยังไงให้คนอยากอยู่ร่วมงานในตอนกลางวัน ซึ่งเราสังเกตว่า คนไทยจะชอบมางานตอนเย็นๆ แดดกำลังตก ผมคิดว่าเรื่องแสงแดดและความร้อนน่าจะเป็นปัญหาสำคัญ เราเลยพยายามจะสร้างโครงสร้างที่ให้ร่มเงาขนาดใหญ่ เป็นทั้งสถาปัตยกรรมและงานศิลปะในตัวเอง ใช้เป็นศูนย์กลางสำหรับกิจกรรมในช่วงกลางวัน ซึ่งเราพยายามออกแบบให้สถานที่นี้นั่งสบายมากที่สุด
“ส่วนบรรยากาศในการทอล์ก เราพยายามออกแบบให้มีบรรยากาศของการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน โดยนักพูดจะใช้เวลาพูดประมาณ 20 นาที หลังจากนั้นจะมีเวลา 15 นาทีสำหรับช่วงถาม-ตอบเพื่อให้ทุกคนได้แชร์ความคิดกันอย่างทั่วถึง รวมถึงยังมีหูฟังแปลภาษาสำหรับทั้งคนไทยและชาวต่างชาติด้วย”
ถ้าปาร์ตี้ เสียงเพลง และเครื่องดื่มในยามค่ำคืนคือสิ่งที่เติมเต็มอารมณ์และความรู้สึก งานทอล์กในช่วงกลางวันก็น่าจะช่วยเติมเต็มการนึกคิดและส่งต่อแนวคิดดีๆ ไปสู่สังคมในวงกว้าง เพราะในโลกอนาคตที่ความเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดา คงจะดีกว่าหากทุกคนร่วมกันคิด ร่วมกันทำเพื่อชีวิตที่ดีกว่า ติดตามกิจกรรมทั้งหมดของ Wonderfruit ได้ทาง www.wonderfruitfestival.com
