หุ้น บมจ.เอสซีจี เดคคอร์ (SCGD) เข้าซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันนี้ (20 ธันวาคม) เป็นวันแรก ราคาเปิดการซื้อ-ขายที่ 10.10 บาท ลดลง 1.40 บาท ติดลบ 12.17% จากราคาจองซื้อ IPO ที่ 11.50 บาท
โดยการเคลื่อนไหวราคาในช่วงระหว่างการซื้อ-ขาย ภาคเช้าร่วงไปแตะระดับต่ำสุดที่ 9.85 บาท ลดลง 1.65 บาท ติดลบ 14.35% ส่วนราคาสูงสุดอยู่ที่ 10.40 บาท ลดลง 1.10 บาท ติดลบ 9.57%
SCGD เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อ-ขายใน SET ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดวัสดุก่อสร้าง ด้วยมูลค่าระดมทุน 5,049.65 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO ที่ 18,975 ล้านบาท
SCGD เป็น Flagship Company ของกลุ่มปูนซิเมนต์ไทย หรือ เอสซีจี ประกอบธุรกิจด้วยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ดำเนินธุรกิจผลิตกระเบื้องปูพื้น บุผนัง ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ได้แก่ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย รวมถึงธุรกิจผลิตสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ภายในห้องน้ำในประเทศไทย ภายใต้ตราสินค้าที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง เช่น COTTO, SOSUCO, CAMPANA, PRIME, MARIWASA และ KIA
โดยมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั้งภูมิภาคอาเซียน ผ่านเครือข่ายร้านค้าตัวแทนจำหน่ายต่างๆ ช่องทางร้านค้าปลีกสมัยใหม่ และจัดจำหน่ายผ่านเครือข่ายร้านค้าของบริษัท และส่งออกไปจำหน่ายในหลายประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ บริษัทยังดำเนินธุรกิจการให้บริการนิคมอุตสาหกรรมในอำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี
SCGD มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลังเสนอขายหุ้น 1.65 หมื่นล้านบาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไป และทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดจากผู้ถือหุ้นของ บมจ.เอสซีจี เซรามิกส์ (COTTO) ด้วยวิธีแลกหุ้น IPO ของ SCGD ตามแผนการปรับโครงสร้าง โดยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวนรวม 439.1 ล้านหุ้น
ทั้งนี้การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO มาจากกระบวนการสำรวจความต้องการของผู้ลงทุน (Book Building) ซึ่งเมื่อพิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) เท่ากับ 19.9 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง โดยมี บล.บัวหลวง เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ
นำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เอสซีจี เดคคอร์ (SCGD) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะนำเงินจากการระดมทุนไปใช้ขยายกำลังการผลิตและขยายช่องทางการจำหน่าย รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการดำเนินงานและด้านพลังงาน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero Carbon) ในปี 2593 และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการของบริษัท
SCGD มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม หลังหักสำรองทุกประเภทตามที่กฎหมายและบริษัทกำหนดไว้ในแต่ละปี รวมทั้งหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงินของบริษัทฯ แผนการลงทุน สภาพตลาด ความจำเป็น และความเหมาะสมอื่นในอนาคต
ทั้งนี้ หลัง IPO จะมีผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้แก่ กลุ่มปูนซิเมนต์ไทย ถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมรวม 73.4% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว