×

SCC – 2Q67 กำไรตามคาด ชะลอตัวใน 2H67

25.07.2024
  • LOADING...

เกิดอะไรขึ้น:

 

เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2567 บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) รายงานกำไรสุทธิ 3.7 พันล้านบาทใน 2Q67 เป็นไปตามคาด โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 56%QoQ แต่ยังคงลดลง 53%YoY รายการพิเศษใน 2Q67 คือ ขาดทุนจากการปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือจำนวน 363 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับไฟไหม้ถังเก็บสารเคมี C9+ ในมาบตาพุด ประมาณ 400 ล้านบาท หากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าว พบว่ากำไรปกติอยู่ที่ 4.5 พันล้านบาทใน 2Q67 เพิ่มขึ้นจาก 1.5 พันล้านบาทใน 1Q67 แต่ลดลงจาก 5.2 พันล้านบาทใน 2Q66 

 

กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น QoQ เกิดจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจเคมิคอลส์ โดยส่วนต่างราคา HDPE และ PP กว้างขึ้น 2.8% และ 1.0%QoQ ใน 2Q67 และการดำเนินงานเต็มไตรมาสของโรงงานระยองโอเลฟินส์คอมเพล็กซ์ (ROC) หลังจากกลับมาเดินเครื่องในเดือนมีนาคม 2567 ส่งผลทำให้ปริมาณการขายโพลีโอเลฟินส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 23% สู่ 375,000 ตันใน 2Q67 ปริมาณการขายและส่วนต่างราคา PVC ก็ฟื้นตัว เนื่องจากราคาวัตถุดิบ EDC เริ่มลดลง 

 

นอกจากนี้ ไตรมาสนี้ยังมีรายได้เงินปันผลจาก Toyota Thailand (SCC ถือหุ้น 10%) ซึ่งน่าจะอยู่ในระดับสูง เมื่อพิจารณาจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งใน 2H66 แต่จะถูกลดทอนลงบางส่วนโดยผลการดำเนินงานของธุรกิจ CBM ที่อ่อนแอลงตามฤดูกาล QoQ จากเทศกาลสงกรานต์ ในขณะที่กำไรสุทธิที่ลดลง YoY สะท้อนถึงส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ลดลง และความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ที่ลดลงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและหนี้ครัวเรือนระดับสูง 

 

กระทบอย่างไร:

 

วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 ราคาหุ้น SCC ไม่เปลี่ยนแปลง อยู่ที่ระดับ 224.0 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 0.60% สู่ระดับ 1,290.31 จุด 

 

แนวโน้มผลประกอบการปี 2567:

 

InnovestX Research คาดว่ากำไรของ SCC จะชะลอตัวลง QoQ เนื่องจากส่วนต่างราคา HDPE ลดลง 12%QoQ และส่วนต่างราคา PP ก็ลดลง 7%QoQ ใน 3Q67TD ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราค่าระวางที่สูงขึ้น 2-3 เท่า จากสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ นอกจากนี้ โรงงาน Petrochemical Complex ใหม่ (LSP) ที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งจะเริ่มเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์ในช่วงเดือนกันยายนนี้ จะมีค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ยจ่ายที่ต้องบันทึก โดยคาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 1.2 พันล้านบาทต่อไตรมาส

 

ธุรกิจ CBM จะเผชิญกับความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ระดับต่ำตามฤดูกาลในฤดูฝนใน 3Q67 และวันหยุดยาวใน 4Q67 แม้ว่าจะได้รับประโยชน์จากแผนเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาล สำหรับระยะกลางถึงระยะยาว คาดว่าส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์จะฟื้นตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะส่วนต่างราคา HDPE จากอัตราการเติบโตที่ลดลงของอุปทานใหม่ SCGC คาดว่าอุปทานเอทิลีนทั่วโลก (สำหรับภาคก่อสร้าง) จะเติบโต 2.4-2.6% ต่อปีในปี 2567-2569 เทียบกับ 5% ต่อปีในปี 2563-2566

 

กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ InnovestX Research ยังคงคำแนะนำระยะ 3 เดือนสำหรับ SCC ไว้ที่ Neutral ซึ่งเป็นผลมาจากส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่อ่อนแอ เพราะได้รับผลกระทบจากอัตราค่าระวางระดับสูง และจะส่งผลลบต่อโรงงาน LSP แห่งใหม่ที่อาจเริ่มดำเนินการภายใต้กระแสเงินสดติดลบในระยะแรกของการเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนกันยายน 2567 (คาดว่า 4Q67 จะเป็นไตรมาสที่กำไรต่ำสุดของปี) นอกจากนี้ ยังคาดว่า Consensus จะปรับประมาณการกำไรลดลง เพื่อสะท้อนส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ในระยะกลางถึงระยะยาว เนื่องจากอุปทานจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง 

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ ต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงสถานการณ์อุปทานล้นตลาดในธุรกิจซีเมนต์และธุรกิจเคมิคอลส์

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising