เกิดอะไรขึ้น:
วานนี้ (17 กุมภาพันธ์) บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) รายงานกำไรปกติของ 4Q62 ที่ 1.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.7% YoY สูงกว่าตลาดคาดไว้ที่ 1.07 พันล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจาก 1.อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ที่ดีขึ้นในธุรกิจทูน่า ธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็ง และธุรกิจแซลมอนและล็อบสเตอร์ และ 2.การควบคุมค่าใช้จ่ายขายและบริหาร (SG&A) ได้ดีขึ้น นอกจากนี้บริษัทได้ประกาศจ่ายเงินปันผลจากกำไรช่วง 2H62 (กรกฎาคม-ธันวาคม 2562) ที่อัตรา 0.22 บาทต่อหุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 2 มีนาคม 2563
กระทบอย่างไร:
วานนี้ราคาหุ้น TU ปิดที่ 15.30 บาท ปรับขึ้นเล็กน้อย 2% DoD หลังจากประกาศผลการดำเนินงานในช่วงบ่าย
ขณะที่ช่วงเช้าวันนี้ (18 กุมภาพันธ์) ราคาหุ้น TU ขึ้นไปทำจุดสูงสุดอีกกว่า 4.6% DoD พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น สวนทางกับ SET Index ที่ปรับลงกว่า 14 จุด หรือ 0.96% DoD ในช่วงเช้า
มุมมองระยะสั้น:
SCBS มองว่าราคาหุ้นที่ปรับขึ้นในสองวันนี้เกิดจากกำไรปกติ 4Q62 ที่ดีกว่าตลาดคาด และผลประกอบการที่เริ่มเห็นโมเมนตัมเชิงบวกที่ชัดเจนขึ้นจากทิศทางอัตรากำไรที่ดีขึ้น
SCBS คาดว่าทิศทางผลประกอบการไตรมาส 1 ปีนี้ของ TU จะทรงตัวหรือเติบโตเล็กน้อย โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอัตรากำไรที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังราคาต้นทุนวัตถุดิบอยู่ในระดับต่ำ และการคุมค่าใช้จ่าย SG&A มีแนวโน้มดีขึ้น ซึ่งจะช่วยชดเชยผลกระทบของยอดขายที่อ่อนแอและเงินบาทที่แข็งค่าได้
อย่างไรก็ดี ในระยะสั้นต้องจับตาทิศทางค่าเงินบาทหากเริ่มมีสัญญาณอ่อนค่าขึ้นจะเป็นปัจจัยบวกต่อผลประกอบการและทิศทางราคาหุ้นได้ รวมถึงติดตามการเจรจาปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์ทูน่าในฝรั่งเศส คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 และจะมีผลในเดือนพฤษภาคม 2563
มุมมองระยะยาว:
ในระยะยาวติดตามผลประกอบการของ TU ว่าสามารถเป็นไปตามที่บริษัทฯ ตั้งเป้าไว้หรือไม่ โดยตั้งเป้ายอดขายปี 2563 เติบโต 3-5% YoY จาก 1.การกระตุ้นการส่งออกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงตั้งเป้าอัตราการเติบโตสองหลัก และ 3.บริษัทฯ คาดว่าราคาทูน่าท้องแถบในปี 2563 จะฟื้นตัวอยู่ในช่วง 1300-1600 ดอลลาร์ต่อตัน จากระดับ 950 ดอลลาร์ต่อตันใน 4Q62
ข้อมูลเพิ่มเติม:
หมายเหตุ % DoD คือเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับวันทำการก่อนหน้า ส่วน % YoY คือเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงช่วงเวลาเดียวกันเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์