SCBAM เผย กำไรกลุ่ม S&P 500 คาดจะโต 9% เป็นการเติบโตสูงสุดในรอบประมาณ 3 ปี โดยได้แรงหนุนจากหุ้นเทคขนาดใหญ่ที่จะนำตลาดให้เป็นบวก ประเมินว่ากำไรของหุ้นกลุ่มเทคไตรมาส 2/24 มีโอกาสจะโตถึง 17%
ภคสุนาท จิตมั่นชัยธรรม Executive Director ฝ่ายการลงทุนผ่านกองทุนต่างประเทศ กลุ่มจัดสรรสินทรัพย์และกองทุนต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBAM) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Morning Wealth ว่า ในช่วงสัปดาห์นี้ บริษัทจดทะเบียน (บจ.) สหรัฐฯ จะเริ่มทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/24 โดยจะมีกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่อย่างกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่เริ่มทยอยประกาศผลประกอบการตั้งแต่วันนี้ (12 กรกฎาคม) เช่น JPMorgan Chase Bank, Wells Fargo Bank และ Citigroup
ขณะที่การเติบโตของกำไรในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของสหรัฐฯ คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ไม่สูงมาก อยู่ที่ระดับประมาณ 5% แต่หากเกิดภาพดังกล่าวในกลุ่มธนาคารพาณิชย์มองว่ายังไม่น่ากังวลในภาพรวมของตลาดหุ้นสหรัฐฯ
กำไรกลุ่ม S&P 500 2Q24 โต 9% สูงสุดในรอบ 3 ปี
สำหรับภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 2/24 ประเมินว่าหุ้นกลุ่ม S&P 500 จะมีการเติบโตขึ้นประมาณ 9% ซึ่งถือเป็นการเติบโตสูงสุดในรอบประมาณ 3 ปี
เนื่องจากมีหุ้นกลุ่มหลักคือกลุ่มหุ้นเทคโนโลยี (Tech) ขนาดใหญ่ที่จะนำตลาดให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยประเมินว่ากำไรของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในไตรมาส 2/24 มีโอกาสจะเติบโตถึงประมาณ 17% ซึ่งหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่คาดว่าจะเริ่มทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/24 ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้ ทั้ง Google, Microsoft และ Tesla
นอกจากนี้หากดูข้อมูลการเติบโตในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ปัจจัยหลักมาจากการขับเคลื่อนการเติบโตของกำไรในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น Amazon, Google, Meta และ NVIDIA โดยหุ้นกลุ่มดังกล่าวคาดว่ากำไรในไตรมาส 2/24 จะเติบโตในระดับมากกว่า 30% ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับสภาพตลาดรวม
คาดกำไร บจ.สหรัฐฯ ทั้งปี 2024 โต 19%
ส่วนกำไรทั้งปี 2024 ประเมินว่ากำไรของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจะยังเป็นกลุ่มหุ้นที่ผลักดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่ากำไรทั้งปี 2024 จะเติบโตได้ในระดับประมาณ 19% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน
ดังนั้นในช่วงไตรมาส 3/24 มุมมองภาพในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจะยังเป็นหุ้นกลุ่มที่นำตลาดให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยยังมีมุมมองเชิงบวกจากปัจจัยในช่วงต้นปี 2024 ถึงปัจจุบัน ซึ่งมีหุ้นบางตัวปรับตัวเพิ่มขึ้นในระดับ 100% เพราะสามารถสร้างการเติบโตของกำไรที่เกิดขึ้นได้จริง
Fed จะเริ่มลดดอกเบี้ยเดือนกันยายนนี้
อีกส่วนสำคัญคือความคาดหวังที่นักลงทุนหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับลดดอกเบี้ยหลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ลดลง ซึ่งมีโอกาสสูงถึง 90% ที่ Fed จะเริ่มลดดอกเบี้ยในการประชุมช่วงเดือนกันยายนปีนี้ และมีโอกาสที่จะเห็นการปรับลดดอกเบี้ยลงอีกครั้งในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ถือเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐฯ
ส่วนกรณีที่มีการตั้งคำถามว่าราคาหุ้นเทคโนโลยีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาเข้าสู่ภาวะฟองสบู่แล้วหรือไม่ หากเปรียบเทียบสถานการณ์ปัจจุบันกับในอดีตที่เกิดภาวะฟองสบู่ของหุ้นเทคโนโลยีในปี 2000 รวมถึงหลังโควิดที่ราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง
ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ ในระยะยาว มีความคาดหวังต่อ EPS ในกลุ่มหุ้นไทยขนาดใหญ่ ถือว่ายังอยู่ในระดับต่ำกว่าที่เกิดสถานการณ์เทคบับเบิลในปี 2000 และหลังโควิด
โดย PE ของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ 10 ตัวในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังซื้อขายอยู่ที่ระดับ PE เฉลี่ยที่ 28 เท่า ซึ่งแม้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของค่าตลาดหุ้นโดยรวม แต่หุ้นกลุ่มนี้ก็ยังสามารถทำการเติบโตของกำไรได้ตามที่ตลาดคาดหวังไว้เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงที่มีสถานการณ์เทคบับเบิลในปี 2000 ที่ราคาหุ้นซื้อ-ขายบนค่า PE ที่สูงถึงระดับมากกว่า 40 เท่า
ขณะที่ในช่วงไตรมาส 3/24 ยังมีมุมบวกกับภาพการลงทุนในตลาดหุ้นของสหรัฐฯ โดยแนะนำการลงทุนในตลาดหุ้นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เพราะมีปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตของกำไรที่สนับสนุน โดยกำไรของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ มีการเติบโตตั้งแต่ช่วงหลังของปี 2023
ขณะที่แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ มีการปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ดังนั้นในระยะ 1 ปีข้างหน้าจากนี้มีโอกาสที่ Fed จะปรับลดดอกเบี้ยได้รวม 6 ครั้ง หรือประมาณ 1% ถือเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อราคาหุ้นให้มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้
อย่างไรก็ดี ในช่วงไตรมาส 3/24 มีปัจจัยที่น่ากังวลและต้องติดตามคือประเด็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ โดยจากผลสำรวจของโพลส่วนใหญ่ที่ออกมาคาดว่า โดนัลด์ ทรัมป์ น่าจะชนะการเลือกตั้งในรอบนี้ จึงมีโอกาสเกิดนโยบายเศรษฐกิจที่ตลาดเคยกังวลก่อนหน้านี้ว่าจะมีการเปิดสงครามทางการค้า (Trade War) กับจีนคล้ายกับช่วงปี 2019 ขึ้น