บลจ.ไทยพาณิชย์ ระบุมีการลงทุนใน AT1 ของ Credit Suisse ที่โดน Write-Down แต่สัดส่วนต่ำมากเพียง 0.05-1.8% ต่อกอง ยันมีผลกระทบน้อยมาก เตรียมใช้จังหวะดอกเบี้ยขึ้นหาตราสารหนี้ดอกเบี้ยสูงมาชดเชยผลตอบแทนที่หายไป
อาชวิณ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการตลาดและช่องทางการขาย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า กรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลว่ากองทุนเปิดไทยพาณิชย์เครดิต ออพพอทูนิตี้ (SCBOPP) ของบริษัทที่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกู้ด้อยสิทธิเพื่อนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 (AT1) ของ Credit Suisse ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 5% ของกองทุนนั้น เป็นข้อมูลเก่าที่ยังไม่ได้อัปเดต
โดยที่ผ่านมามีการทยอยขายออกไปส่งผลให้ปัจจุบันกองทุน SCBOPP มีสัดส่วนเหลือ 1.80% ของกองทุน ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่สูงสุดของกองทุนของบริษัทที่มีการลงทุนใน AT1 ของ Credit Suisse แล้ว ส่วนกองทุนอื่นๆ ที่มีการลงทุนมีสัดส่วนที่ค่อนข้างต่ำมากระหว่าง 0.05-0.3% ต่อกองเท่านั้น อีกทั้งในจังหวะที่ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นก็จะเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนในตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบที่สูงเพื่อชดเชยผลกระทบดังกล่าว ดังนั้นจึงทำให้มีผลกระทบที่เกิดขึ้นน้อยมาก
“ผู้จัดการกองทุนก็ได้ให้ความเห็นกลับมาว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ Credit Suisse เป็นไปตามกลไกของตลาด ส่วน AT1 ของ Credit Suisse ที่มีการ Write-Down ไปทางรัฐบาลของสวิสก็มีการจัดลำดับความสำคัญในการบริหารจัดการไว้แล้ว ถามว่าการเข้าไปลงทุนใน AT1 เกิดขึ้นได้อย่างไรก็เป็นมุมมองของผู้จัดการของกองทุนในการตัดสินใจ ซึ่งการลงทุนก็มีทั้งถูกต้องบ้างหรือผิดบ้าง แต่เป็นการลงทุนที่อยู่ภายใต้กรอบความเสี่ยงที่รับได้ของนโยบายกองทุน”
ด้าน ณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ในปี 2566 บริษัทตั้งเป้ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) จะเติบโตขึ้นประมาณ 3-5% จากปี 2565 ที่มี AUM ที่ราว 1.61-1.62 ล้านล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนเป็นกองทุนรวม (MF) ที่ 8.92 แสนล้านบาท, กองทุนส่วนบุคคล (PF) ที่ 5.35 แสนล้านบาท และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) ที่ 1.83 แสนล้านบาท โดยมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอัน 1 อยู่ที่ 19.58% และมี AUM สูงที่สุด
สำหรับปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของ AUM ในปีนี้ จะมาจากความสนใจลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ที่มากขึ้น หลังจากดอกเบี้ยปรับตัวเพิ่ม รวมถึงหากเริ่มเห็นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ถึงจุดในช่วงไตรมาส 3/66 นี้มีโอกาสที่จะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นฟื้นตัว ทำให้กองทุนที่ลงทุนในหุ้นกลับมาได้รับความสนใจเพิ่มอีกครั้ง
นอกจากนี้ บลจ. จะทำงานผ่านช่องทางการขายกับธนาคารไทยพาณิชย์เพิ่มขึ้น และจะขยายจำนวนของตัวแทนขายอิสระหน่วยลงทุนให้เพิ่มขึ้น รวมถึงผ่านทาง SCBAM โดยตรงผ่านแอป SCBAM Fund Click โดยปัจจุบันมีบัญชีที่มีการเคลื่อนไหวมากกว่าหมื่นบัญชีแล้ว
อย่างไรก็ดี มีแผนที่จะสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งจะเน้นการเพิ่มขยายฐานจำนวนลูกค้าจากปัจจุบันที่มีประมาณ 7 แสนราย โดยใน 2 ปีข้างหน้าตั้งเป้าหมายจะเพิ่มเป็น 1 ล้านราย
ทั้งนี้ การขยายฐานเติบโตจากนี้จะอาศัยการขยายฐานลูกค้าเป็นหลักสำคัญ ตั้งเป้าหมายจะขยายฐานให้แตะระดับ 1 ล้านรายภายในปี 2567 จากปัจจุบันที่มีลูกค้ากว่า 6 แสนราย ผ่านช่องทางตัวแทนขาย ตัวแทนอิสระ รวมถึงผ่านทาง SCBAM โดยตรงผ่านแอป SCBAM Fund Click โดยปัจจุบันมีบัญชีที่มีการเคลื่อนไหวมากกว่าหมื่นบัญชีแล้ว
สำหรับการลงทุนในปัจจุบัน แนะนำให้ลดการถือเงินสดลงแล้วลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มมากขึ้น แบ่งเป็นตราสารหนี้สัดส่วน 45% เนื่องจากมองว่าดอกเบี้ยสหรัฐฯ เริ่มเข้าใกล้ถึงจุดสูงสุด และคาดว่าเงินเฟ้อมีแนวโน้มจะลดลงในครึ่งหลังของปีนี้ อีกทั้งให้ลงทุนในหุ้นต่างประเทศ รวมทั้งหุ้นไทยอีกสัดส่วน 45% เพราะหลังสิ้นสุดการขึ้นดอกเบี้ยจะเริ่มมีการออกนโยบายเพื่อกระตุ้นฟื้นเศรษฐกิจมากขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นไทยจะได้รับผลบวกจากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคที่เติบโต และส่วนที่เหลืออีก 10% แบ่งลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย เช่น ทองคำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- หุ้นธนาคารหลายแห่งในยุโรปหยุดการซื้อขายชั่วคราว หลังราคาหุ้นปรับตัวลงตอบรับความเสี่ยงร้ายแรงของ Credit Suisse ที่ดิ่งลง 25%
- SVB ล่มเป็นเหตุ ‘Moody’s’ หั่น Outlook ระบบธนาคารสหรัฐฯ เป็นลบ หวั่นเสถียรภาพสั่นคลอน
- รอดหวุดหวิด! ‘ปีเตอร์ ธีล’ ผู้บริหารกองทุน Founders Fund ถอนเงินฝากของกองทุน ออกมาจาก ‘SVB’ ได้ทัน ก่อนธนาคารปิดตัว