เมธินี จงสฤษดิ์หวัง รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Private Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ปีที่ผ่านมา เป็นที่ทราบกันดีว่าตลาดการเงินการลงทุนทั่วโลกเผชิญความผันผวนสูงจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทางธนาคารได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่องแก่ลูกค้าในด้านกลยุทธ์การบริหารและปรับพอร์ตการลงทุน
โดยในปีที่ผ่านมา พอร์ตการลงทุนประเภทความเสี่ยงปานกลาง (Moderate Asset Allocation) สามารถทำผลตอบแทนจากการลงทุนได้ถึง 14.90% นับเป็นอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่ากองอื่นๆ ในการลงทุนประเภทความเสี่ยงปานกลางตามนิยามของ AIMC (การลงทุนที่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นประมาณ 25-80% และมี Risk Score เท่ากับ 5) โดยค่ากลางของกลุ่มดังกล่าวอยู่ที่ -1.06% และเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนหุ้นในประเทศ (SET TRI Index) จะได้รับผลตอบแทนเพียง -5.24%
สำหรับพอร์ตการลงทุนนี้เป็นการลงทุนแบบผสมในผลิตภัณฑ์ทั้งจากบริษัทในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Group) และจากบริษัทพันธมิตรรายอื่นๆ ในรูปแบบของ Open Architecture โดยไทยพาณิชย์ได้ดำเนินนโยบายเรื่อง Open Architecture มาแล้วกว่า 5 ปี เพื่อคัดสรรผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า
ศรชัย สุเนต์ตา CFA กรรมการผู้จัดการ Chief Investment Office บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS CIO) กล่าวว่า “ทีมที่ปรึกษาด้านการเงินการลงทุนส่วนบุคคลจาก Chief Investment Office (SCBS CIO Office) ได้ให้คำแนะนำในการปรับพอร์ตการลงทุนอย่างเหมาะสมภายใต้สภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดช่วงปี 2563 ที่ผ่านมา
โดยพอร์ตการลงทุนประเภทความเสี่ยงปานกลางที่เราแนะนำ มีการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนทั้งกองทุนตราสารหนี้ กองทุนตราสารทุน และกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก ทำให้พอร์ตมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับสภาวะตลาดที่มีความผันผวน ผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่นที่ผสมอยู่ในพอร์ตในปีที่ผ่านมาจะเป็นกองทุนตราสารทุน และกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก เช่น กองทุน SCBGOLD ที่เน้นลงทุนในทองคำ, กองทุน KFACHINA ที่เน้นลงทุนในหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ (A Shares), กองทุน PRINCIPAL GOPP เน้นลงทุนในหุ้นเติบโตทั่วโลก ในขณะที่กองทุนตราสารหนี้ที่ผสมอยู่ในพอร์ต ทำหน้าที่ลดความผันผวนของพอร์ต และสร้างความยืดหยุ่นในการปรับพอร์ตการลงทุน”
“สำหรับพอร์ตการลงทุนในปี 2564 ทางไทยพาณิชย์แนะนำให้ลูกค้ามีการจัดพอร์ตการลงทุนที่เน้นกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม โดยพอร์ตประเภทความเสี่ยงปานกลาง (Moderate Asset Allocation) แนะนำแบ่งเป็นสัดส่วนหุ้นต่อตราสารหนี้ไว้ในสัดส่วน 60% ต่อ 40% ซึ่งเป็นไปตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่จะทยอยปรับตัวดีขึ้นภายหลังจากการกระจายวัคซีน COVID-19 ให้แก่ประชากรทั่วโลก” ศรชัย กล่าว
เมธินีกล่าวเสริมว่า ในปี 2564 นี้ SCB PRIVATE BANKING ยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านการให้คำปรึกษาเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันธุรกิจไพรเวตแบงกิ้ง หนึ่งในธุรกิจหลักที่เป็นยุทธศาสตร์องค์กรที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
โดย SCB PRIVATE BANKING มีทีมที่ปรึกษาด้านการเงินและการลงทุนส่วนบุคคลระดับมืออาชีพ ทั้งที่ธนาคารไทยพาณิชย์และบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ เพื่อพร้อมให้คำแนะนำด้านการลงทุนที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ (Personalized Investment Portfolios) สอดคล้องกับความต้องการและระดับความเสี่ยงในการลงทุนของลูกค้าแต่ละท่าน โดยลูกค้าที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากที่ปรึกษาการลงทุน (Relationship Managers) ของท่าน
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล