×

SCB EIC เตือนเศรษฐกิจไทยผ่านช่วงที่ดีที่สุดไปแล้ว มองครึ่งปีหลังน่าห่วง-ท่องเที่ยวเสี่ยงติดลบครั้งแรกในรอบหลายปี

13.08.2025
  • LOADING...

SCB EIC ชี้ ครึ่งปีหลังชะลอตัวหลังผ่านจุดที่ดีที่สุดไปแล้ว พร้อมเตือนภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่ 19% มองความเสี่ยงมีผลกระทบตามมาในหลายด้าน คาดภาคการท่องเที่ยวที่อาจติดลบครั้งแรกในรอบหลายปี

 

ดร. ปุณยวัจน์ ศรีสิงห์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC) ในรายการ Morning Wealth ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ได้ผ่านช่วงที่เติบโตได้ดีที่สุดไปแล้ว และกำลังเข้าสู่ช่วงชะลอตัวในครึ่งปีหลัง

 

ทั้งนี้ ตลอดปีที่ผ่านมาเราได้เห็นภาพเศรษฐกิจไทยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะนี้เรากำลังเข้าสู่ช่วงที่ตรงกันข้าม โดยเปรียบเทียบว่า ‘เศรษฐกิจไทยกำลังจะลงเขา’ หลังจากที่ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วในไตรมาส 1 ปีนี้ ซึ่งเศรษฐกิจเติบโตได้ถึง 3% และคาดว่าในไตรมาสที่ 2/2568 ที่จะมีการประกาศในช่วงต้นสัปดาห์หน้า จะยังคงเติบโตได้ประมาณ 2-3% ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยบวกหลายประการ เช่น การส่งออกที่ได้อานิสงส์จากการเร่งส่งออกไปสหรัฐฯ ก่อนการบังคับใช้ภาษี Reciprocal Tariff, การท่องเที่ยวที่เติบโตได้ดีในช่วงต้นปี รวมถึงการเบิกจ่ายภาครัฐและการลงทุนที่กลับมาเป็นบวกจากฐานที่ต่ำในปีก่อนหน้า

 

อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าแรงส่งเหล่านี้กำลังจะหมดลง และจะทำให้เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ปีนี้ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน

 

ภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ความเสี่ยงสำคัญที่ไม่ควรประมาท

 

สำหรับการที่ไทยได้ภาษี Reciprocal Tariff ที่อัตรา 19% นั้น มีความเห็นว่า ‘ไม่แย่ แต่ไม่ดี’

 

สำหรับความหมายของ ‘ไม่แย่’ หมายถึง ตัวเลขนี้ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ตอนแรกที่ 36% และยังใกล้เคียงกับคู่แข่งสำคัญในตลาดสหรัฐฯ แต่ ‘ไม่ดี’ เพราะหมายความว่าสินค้าไทยจะมีราคาแพงขึ้น 19% ในสหรัฐฯ ซึ่งจะกระทบต่อความต้องการสินค้าและศักยภาพในการแข่งขัน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงอื่นๆ ที่ตามมา ได้แก่

 

การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ไทยยังคงเสียเปรียบคู่แข่งอย่างเม็กซิโกหรือสิงคโปร์ที่ได้รับการยกเว้นภาษี
การกดดันด้านราคา ผู้ส่งออกไทยจะต้องแบกรับต้นทุนและลดราคาสินค้าลงเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาด
สินค้าจากประเทศอื่นไหลเข้า สินค้าจากจีนและประเทศอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษี อาจไหลเข้ามาในไทยมากขึ้น
การกีดกันทางการค้า หลายประเทศจะใช้มาตรการปกป้องอุตสาหกรรมภายในของตนเอง ทำให้การส่งออกไปหลายประเทศยากขึ้น

 

ทั้งนี้ แม้ว่าตัวเลขภาษีที่ 19% จะไม่ได้เลวร้ายที่สุด แต่ความเสี่ยงต่างๆ ที่กล่าวมานี้ยังคงมีอยู่มาก และต้องใช้ความระมัดระวังในการบริหารจัดการ

 

 

ภาคท่องเที่ยวจากเครื่องยนต์หลัก เสี่ยงกลายเป็นตัวฉุด

 

โดยมีประเด็นที่น่ากังวลที่สุดสำหรับเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังของปีนี้คือ ภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเครื่องจักรสำคัญที่เคยพยุงเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา กำลังจะกลายเป็นตัวถ่วงเศรษฐกิจ

 

ดร. ปุณยวัจน์ ระบุว่า เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่หลังโควิดที่ไทยกำลังเผชิญกับตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ติดลบเมื่อเทียบกับปีก่อน โดย SCB EIC ประเมินว่าปีนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติจะอยู่ที่ประมาณ 33 ล้านคน ลดลงจากปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วง ข้อมูลสถิติยืนยันแนวโน้มนี้อย่างชัดเจน โดยหลังเดือนมกราคมที่นักท่องเที่ยวเติบโตได้ถึง 20% ตัวเลขการเติบโตรายเดือนได้ปรับลดลงจนติดลบอย่างต่อเนื่อง

 

 

ความไม่สงบชายแดน คาดกัดกร่อนเศรษฐกิจในหลายด้าน

 

สถานการณ์ความไม่สงบระหว่างไทย-กัมพูชา แม้จะมีความรุนแรงน้อยลง แต่ก็ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ใน 4 ช่องทางหลัก และมีรายละเอียดที่ต้องพิจารณาอย่างใกล้ชิด ได้แก่

 

  • ด้านการค้า มีมูลค่าการค้าระหว่างไทยและกัมพูชาอยู่ที่ประมาณ 300,000 ล้านบาทต่อปี และเกือบครึ่งหนึ่งเป็นการค้าชายแดน การปิดด่านหรือการค้าที่ลดลงส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการรายย่อย โดยเฉพาะผู้ที่พึ่งพาการค้าข้ามแดนเป็นหลัก นอกจากนี้ยังมีผลกระทบทางอ้อมต่อห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ต้นทุนโลจิสติกส์เพิ่มขึ้น และอาจเกิดปัญหาสินค้าเกษตรเน่าเสีย โดยสัดส่วนการค้าชายแดนคิดเป็น 44% ของการค้าไทย-กัมพูชา โดยการส่งออกชายแดนคิดเป็นมูลค่าราว 1-1.2 หมื่นล้านบาท/เดือน

 

  • ด้านการลงทุน มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนไทยที่ไปลงทุนในกัมพูชา ซึ่งมีมูลค่าสะสมจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม เกษตร และบริการ ความไม่แน่นอนด้านความมั่นคงนี้เป็นความเสี่ยงสำคัญที่นักลงทุนต้องนำมาพิจารณา

 

  • ด้านแรงงาน กัมพูชามีสัดส่วนประมาณ 2.5% ของแรงงานทั้งหมดในไทย และมีบทบาทสำคัญในบางอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมประมงและก่อสร้าง แม้ว่าแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านอื่นอย่างเมียนมาและลาวจะเข้ามาทดแทนได้ แต่การขาดแคลนแรงงานในระยะสั้นก็ยังคงเป็นปัญหาที่น่ากังวล

 

  • ด้านการท่องเที่ยว ภาพความไม่สงบที่ปรากฏสู่สายตาชาวโลกส่งผลกระทบต่อความรู้สึกปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ทำให้หลายประเทศออกคำเตือนในการเดินทางและมีการยกเลิกการจองในหลายจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ติดกับชายแดน SCB EIC ประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจจากเหตุการณ์นี้ขั้นต่ำที่ 0.1% ของ GDP ซึ่งอาจเพิ่มขึ้นได้หากสถานการณ์ยืดเยื้อ

 

 

คาดช่วงที่เหลือปีนี้แบงก์ชาติลดดอกเบี้ย 2 ครั้งเพื่อประคองเศรษฐกิจ

 

เมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ดร. ปุณยวัจน์มองว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีแนวโน้มที่จะลดดอกเบี้ยนโยบายลงในช่วงที่เหลือของปีนี้จำนวน 2 ครั้ง โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะจบลงที่ระดับ 1.25% ในปีนี้ สาเหตุหลักมาจากการที่เงินเฟ้อต่ำ, ภาวะตลาดการเงินตึงตัว, หนี้เสียที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และความเปราะบางของเศรษฐกิจโดยรวม

 

โดยการลดดอกเบี้ยนโยบายจึงเป็นเครื่องมือที่จำเป็นในการกระตุ้นและประคองเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง

 

ภาพ: Tan nitipong / Shutterstock

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising