×

SCB CIO แนะทยอยสะสมหุ้นกู้คุณภาพดี รับมือยุคดอกเบี้ยสูง-เงินเฟ้อทะยาน

29.09.2022
  • LOADING...
SCB CIO

SCB CIO ชูกลยุทธ์ลงทุนในช่วงภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในปี 2022-2023 ประกอบกับเงินเฟ้อที่ยังสูงและชะลอลงค่อนข้างช้า แนะนักลงทุนถือเงินสดหรือลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ประเภทคุ้มครองเงินต้น ประมาณ 5-15% ของพอร์ต และทยอยสะสมหุ้นกู้คุณภาพดี ขณะที่การลงทุนในหุ้นยังมีความผันผวนสูง ควรทยอยลงทุนหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ย

 

ดร.กำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโส และหัวหน้าทีม SCB Chief Investment Office (SCB CIO ) ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า อัตราดอกเบี้ยยังเป็นช่วงขาขึ้นและอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในช่วงปี 2022-2023 จากอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงและชะลอลงค่อนข้างช้า ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวเร็วกว่าที่คาดไว้ และมีความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ตลาดการเงินโลกยังมีแนวโน้มผันผวนสูง จึงแนะนำเน้นกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพสูง 

 

ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อในหลายประเทศที่ยังอยู่ในระดับสูงและชะลอลงอย่างช้าๆ เนื่องจากเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่รวมราคาพลังงานและอาหารสดลดลงค่อนข้างช้าจากปัจจัยอุปทานที่ยังโตไม่ทันปัจจัยอุปสงค์ โดยเฉพาะในภาคบริการ โดยในช่วงไตรมาส 4/2022 ต่อเนื่องถึงปี 2023 ซึ่งอัตราเงินเฟ้อส่วนใหญ่แม้จะชะลอตัวลงแต่ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าเงินเฟ้อเป้าหมายของธนาคารกลางหลัก ทำให้ธนาคารกลางส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องและคงไว้ในระดับสูง (Higher for longer) จนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับสู่ระดับเป้าหมาย จึงทำให้เศรษฐกิจส่งสัญญาณชะลอตัวลงในระยะข้างหน้า 

 

การขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเปลี่ยนจากเร็วและแรงเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป และขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจมากขึ้น (Gradual and Data Dependent Rate Hikes) โดย SCB CIO คาดว่าสิ้นปี 2022-2023 อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed จะอยู่ที่ 4.5% และ 4.75% ตามลำดับ ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทยจะอยู่ที่ 1.25% และ 1.75% ตามลำดับ

 

ทั้งนี้ จากภาวะอัตราเงินเฟ้อที่สูงยืดเยื้อและการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง จะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลงในปี 2022-2023 พร้อมกับมีความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยสูงมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศในยุโรปที่ต้องเผชิญวิกฤตพลังงานจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ และการเร่งขึ้นดอกเบี้ยแบบเร็วและแรงเพื่อจัดการกับเงินเฟ้อและเงินยูโรที่อ่อนค่า  

 

ส่วนความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ ยังคงมีอยู่ แม้ตลาดแรงงานและงบดุลของภาคเอกชนยังคงแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับช่วงเริ่มต้นก่อนเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในครั้งที่ผ่านมา สะท้อนว่าหากเกิดขึ้นน่าจะเป็นลักษณะที่ไม่รุนแรง (Mild Recession)   

 

ด้านประเทศในแถบอาเซียน โอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยยังมีไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับยุโรปและสหรัฐฯ เนื่องจากอานิสงส์การเปิดเมือง เปิดประเทศ และการขยับขึ้นดอกเบี้ยส่วนใหญ่เป็นไปในลักษณะแบบค่อยเป็นค่อยไป  

 

ส่วนฐานะการคลังและเสถียรภาพด้านต่างประเทศจะถูกจับตามมองมากขึ้น แต่ต้องพิจารณาเป็นรายประเทศ การใช้มาตรการช่วยเหลือเพื่อลดค่าครองชีพที่ใช้กันในหลายประเทศทั่วโลกส่งผลให้การขาดดุลการคลังและหนี้สาธารณะที่สูงอยู่แล้วหลังวิกฤตโควิดเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ การเร่งตัวของมูลค่าการนำเข้าพลังงาน การขาดดุลบัญชีเดินสะพัด การลดลงของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เกิดความกังวลในเสถียรภาพด้านต่างประเทศ  

 

โดยในประเด็นเหล่านี้ต้องพิจารณาเป็นรายประเทศ ซึ่งคาดว่ากลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงด้านนี้สูง ได้แก่ กรีซ และตุรกี 

 

ส่วนของไทยแม้จะมีการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2021-2022 แต่หลังจากการท่องเที่ยวระหว่างประเทศเริ่มฟื้นตัวได้ ดุลบัญชีเดินสะพัดน่าจะกลับมาเกินดุลได้ในปี 2023

 

ดร.กำพลกล่าวต่อไปว่า ตลาดการเงินโลกยังมีความผันผวนค่อนข้างสูง จากอัตราดอกเบี้ยและภาวะเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น SCB CIO จึงเน้นกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ดังนี้

 

  1. ในภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยและภูมิรัฐศาสตร์สูงขึ้น เราแนะนำให้มีเงินสดหรือผลิตภัณฑ์ความเสี่ยงต่ำ (คุ้มครองเงินต้น) 5-15% ของพอร์ต

 

  1. การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (ราคาลดลง) เป็นโอกาสสำหรับลูกค้าที่ต้องการสร้างกระแสเงินสดในพอร์ต โดยเน้นทยอยสะสมหุ้นกู้คุณภาพดีเพื่อหลีกเลี่ยงการเร่งตัวของ Spread ในช่วงความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยสูงขึ้น

 

  1. เรามีมุมมองโดยรวมเป็น Neutral ต่อหุ้น โดยทยอยสะสมหุ้นบริษัทที่มีการเติบโตยั่งยืนและอัตรากำไรสูง ในประเทศที่ได้อานิสงส์จากการเปิดเมือง เปิดประเทศ และการเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทานของโลก เช่น ตลาดหุ้นไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย หรือประเทศที่มีการเติบโตของค่าจ้างแรงงาน เช่น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเริ่มทยอยสะสมหลัง Fed ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยช้าลง

 

  1. เพื่อเป็นการจัดการความเสี่ยงเงินเฟ้อสูงที่ยืดเยี้อ เรายังคงแนะให้มีสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมัน ในสัดส่วน 5% ของพอร์ต

 

  1. ลดความผันผวนของพอร์ตด้วยผลิตภัณฑ์สินทรัพย์ทางเลือก เช่น KIKO (สำหรับลูกค้า HNW และ UHNW) และ Private Assets (เฉพาะสำหรับลูกค้า UHNW)

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X