หลังสร้างความแข็งแกร่งในกลุ่ม 10-50 ล้านบาทจนเป็นที่ติดตลาดแล้ว SC Asset จึงมองว่าแบรนด์แข็งแกร่งเพียงพอที่จะขึ้นไปเล่นในตลาด Ultimate Luxury ซึ่งมีราคาเริ่มต้น 100 ล้านบาทขึ้นไปแล้ว
การเดินเกมใหม่ในครั้งนี้จะส่ง ‘95E1’ (ไนน์ตี้ไฟว์ อีสต์วัน) แบรนด์ใหม่ในกลุ่ม Ultimate Luxury ซึ่งจะมีเพียง 10 หลังเท่านั้น และยังเป็นโครงการที่มีราคาเริ่มต้นสูงสุดที่เคยเปิดขายมา แต่ยังไม่เปิดเผยทำเลที่ตั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- SC Asset บุกธุรกิจ Logistics จับมือ Flash Group พัฒนาอาคารคลังสินค้า 1 ล้าน ตรม. ภายในปี 2030
- กางแผน SC Asset วางเป้าสร้างสถิติรายได้รวม ‘1 แสนล้าน’ ใน 4 ปี จับตาเปิดตัว ‘SC Morning Coin’ ซึ่งเป็น Utility Token ช่วงปลายปีนี้
- SC Asset บุกหนักอสังหาในสหรัฐฯ ส่ง ‘SC Alpha Inc.’ ทุ่มงบลงทุน 100 ล้านดอลลาร์ใน 3 ปี
“การที่แบรนด์เราแข็งแกร่งทำให้นี่เป็นปีแรกที่เราจะขึ้นไปเล่นในตลาดบน” ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC กล่าว “แม้ตลาดนี้จะไม่ได้ใหญ่มาก แต่มีกำลังซื้อที่มาก ซึ่งกลุ่มนี้เงินไม่ได้เป็นปัญหา แต่อยู่ที่ฟังก์ชันของบ้านที่พวกเขาต้องการต่างหาก”
ข้อมูลจากซีบีอาร์อี ประเทศไทยฉายภาพว่า ในปี 2565 บ้านหรูมีการเปิดตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะบ้านระดับลักชัวรีและซูเปอร์ลักชัวรีที่เปิดตัวใหม่มีมากกว่า 1,100 หลัง ซึ่งเป็นการเปิดตัวที่มากกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 7 ปีที่ผ่านมาถึง 4 เท่าด้วยกัน
โดยโครงการบ้านระดับลักชัวรีและซูเปอร์ลักชัวรีที่เปิดตัวใหม่ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก โดยเฉพาะถนนกรุงเทพกรีฑา พัฒนาการ ศรีนครินทร์ และบางนา ซึ่งตลาดระดับลักชัวรีและซูเปอร์ลักชัวรีได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงที่มีโรคระบาด
สิ่งที่น่าสนในใจคือตลาดบ้านระดับลักชัวรีในย่านรอบนอกใจกลางเมืองกำลังแข่งขันกับคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ขึ้นไปที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง และแม้ว่าราคามักจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน แต่มีคอนโดมิเนียมเพียงไม่กี่แห่งที่เป็นยูนิตขนาดใหญ่สำหรับครอบครัว ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้พัฒนาโครงการได้ออกแบบไว้ในโครงการบ้านแนวราบ
“ในช่วง 3 ปีต่อจากนี้เราคาดว่าจะเปิดโครงการในกลุ่ม Ultimate Luxury อีกประมาณ 3 โครงการด้วยกัน” ณัฐพงศ์กล่าว
สำหรับปี 2566 SC Asset มีแผนการเปิดโครงการใหม่รวม 25 โครงการ มูลค่ารวม 4 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการแนวราบเปิดใหม่ 22 โครงการ รวมมูลค่า 3 หมื่นล้านบาท
“ในปีนี้ SC Asset จะมีสินค้าบ้านเปิดขายในราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 2.5 ล้านบาท ไปจนถึงมากกว่า 150 ล้านบาท ด้วยการเปิดตัวบ้านซีรีส์ใหม่ของแต่ละซับแบรนด์ เพื่อลงแข่งขันครองความเป็นผู้นำบ้านเดี่ยว”
ด้านโครงการแนวสูงจะมีการเปิดใหม่ 3 โครงการ รวมมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท ได้แก่
- การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่บน 2 ทำเลได้แก่ ย่านรัชดา-พระราม 9 ใกล้ MRT ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย มูลค่าโครงการ 5.5 พันล้านบาท ราคาเริ่ม 2 ล้านต้น ซึ่งเป็นเซ็กเมนต์ใหม่
- ทำเลแห่งที่สองคือ เกษตร-ศรีปทุม ตรงข้ามมหาวิทยาลัยศรีปทุม มูลค่าโครงการ 1.4 พันล้านบาท เน้นงานดีไซน์และการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางเพื่อคนเมืองรุ่นใหม่
- คอนโด SCOPE ประสานมิตร เจาะกลุ่มลูกค้าอินเตอร์เนชันแนลพรีเมียม มูลค่าโครงการ 2.6 พันล้านบาท ราคาเริ่มต้น 35 ล้านบาท
ขณะที่เป้าหมายในปี 2566 ประกอบด้วย
- โตต่อเนื่องด้วยยอดขาย 3 หมื่นล้านบาท เติบโต 23% โดยแบ่งเป็นโครงการเพื่อขายแนวราบ 65% และโครงการเพื่อขายแนวสูง 35%
- สร้างรายได้รวม 2.5 หมื่นล้านบาท เติบโต 16% ทั้งจากโครงการเพื่อขาย และธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ในสัดส่วน 95:5 ตามลำดับ
- มูลค่าการลงทุนทั้งหมด 2.5 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนการลงทุนโครงการเพื่อขายแนวราบ แนวสูง 80% และธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ 20%
ในส่วนของธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ได้เปิดตัวโรงแรม YANH ราชวัตร ในเดือนมีนาคม 2566 และพัฒนาแบรนด์โรงแรมใหม่บนถนนสุขุมวิท 29 มูลค่าการลงทุน 2.5 พันล้านบาท และยังมีแผนขยายธุรกิจโรงแรมในทำเลพัทยา เพื่อไปให้ถึงเป้ารวมจำนวน 1,000 ห้อง