ไสว ทองอ้ม เหยื่อชุมนุมปี 2552 เดินทางมายังกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และนางสาวณัฏฐา มหัทธนา หรือครูโบว์ แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เพื่อยื่นหนังสือถึงพลเอก ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรียกร้องให้กองทัพยุติการบังคับคดีที่นำสู่การยึดทรัพย์ที่ดินทำกินเพื่อขายทอดตลาด
จากกรณีศาลฎีกาได้ตัดสินให้ยกฟ้องคดีฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากกองทัพ และสั่งให้นายไสวจ่ายค่าธรรมเนียมศาลและจ่ายค่าทนายจำเลยจำนวน 212,114 บาท ในส่วนนี้เป็นค่าทนายถึง 60,000 บาท และได้ยึดเงินในบัญชี 5 พันบาทเศษในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และยึดที่ดินทำกินเป็นที่นาขนาด 8 ไร่ 3 งาน 42 ตารางวา ขายทอดตลาด กำหนดถึงสิ้นเดือนกันยายนนี้หลังเกี่ยวข้าวที่ปักดำไว้เสร็จ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ไปยื่นคำร้องต่อสำนักนายกรัฐมนตรี และขอให้กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติช่วยเจรจาและประสานความช่วยเหลือแล้ว
โดยนายไสวกล่าวว่าตนฟ้องคดีนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพราะเชื่อจากสิ่งที่ตาเห็นว่ากระสุนมาจากฝั่งทหาร การที่ไม่สามารถหาผู้รับผิดชอบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้จนร่างกายพิการ มือข้างซ้ายไม่สามารถใช้งานได้ตลอดชีวิตก็เป็นความเจ็บปวดมากแล้ว ยังโชคร้ายมาถูกกองทัพฟ้องบังคับคดียึดที่ทำกินจากการแพ้คดี เป็นความทุกข์ใจที่ไม่อาจบรรยายได้ ที่มาวันนี้ต้องการขอให้กองทัพพิจารณายุติการบังคับคดี เพราะตนฟ้องร้องตามสิทธิของประชาชนคนหนึ่งเท่านั้น
ด้านนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ตั้งข้อสังเกตว่านี่คือคดีระหว่างประชาชนต่อรัฐ ไม่ใช่เอกชนต่อเอกชน กองทัพไม่ได้เสียหายอะไรจากการสู้คดีในครั้งนี้ ทนายที่ใช้คืออัยการที่ทำงานในฐานะข้าราชการอยู่แล้ว ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้คดี ไม่ได้ใช้งบประมาณกองทัพไปจ่ายอยู่แล้ว ส่วนค่าธรรมเนียมในศาลชั้นต้น นายไสวได้รับการยกเว้นในฐานะบุคคลอนาถา และชนะคดีด้วยเหตุผลที่รัฐมีหน้าที่รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างการสลายการชุมนุม แม้ภายหลังจะแพ้คดีด้วยเหตุที่ไม่สามารถพิสูจน์ความเป็นเจ้าของกระสุนได้ หากคดีนี้จบลงด้วยการยึดทรัพย์นายไสวก็เป็นห่วงอนาคตของประชาชนหากมีการได้รับความเสียหายจากการปฏิบัติงานของรัฐบาลอีก