วันนี้ (14 สิงหาคม) กลุ่มคณะจุฬาฯ และสปริงมูฟเมนต์ จัดกิจกรรม ‘เสาหลักจะหักเผด็จการ’ โดยในครั้งแรกกำหนดจัดที่สนามกีฬาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ในเวลาต่อมาทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่ในการจัดกิจกรรม ซึ่งระบุเหตุผลว่าผู้ขออนุญาตใช้สถานที่ได้จัดส่งหนังสือขออนุญาตจัดกิจกรรมดังกล่าวในระยะเวลาที่กระชั้นชิดมากเกินไป ทำให้สำนักบริหารกิจการนิสิตไม่สามารถประสานงานกับหน่วยงานภายในและหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้องตามที่แจ้งขอได้ทันกำหนดเวลา
แต่ทางผู้จัดงานยืนยันว่าจะยังคงจัดกิจกรรมต่อไป แม้ว่าอาจเสี่ยงถูกลงโทษทางวินัยนิสิต และเปลี่ยนสถานที่เป็นลานพระบรมรูปสองรัชกาล กำหนดเวลากิจกรรมตั้งแต่ 16.00 น. เป็นต้นไป
กระทั่งเวลาประมาณ 15.30 น. มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้จัดงานได้แจ้งย้ายสถานที่จัดกิจกรรมไปที่ใต้อาคารคณะอักษรศาสตร์ และเลื่อนเวลาเริ่มกิจกรรมเป็น 17.00 น. โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมทยอยเดินทางกันมาอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะมียังคงมีฝนตกอยู่บ้าง โดยส่วนใหญ่เป็นนิสิตของจุฬาฯ และเริ่มมีการปราศรัยสลับกับการเล่นดนตรีเป็นช่วงๆ เมื่อถึงเวลา 18.00 น. มีการลุกขึ้นร้องเพลงชาติร่วมกันพร้อมกับการชู 3 นิ้ว เมื่อเสร็จสิ้นการร้องเพลงชาติก็มีการตะโกน ‘เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ’
ในช่วงแรก มีผู้ปราศรัยรายหนึ่งกล่าวถึงการอนุญาตให้ใช้สถานที่ของทางจุฬาฯ โดยตั้งคำถามถึงท่าทีของมหาวิทยาลัยที่ไม่อนุญาตให้จัดกิจกรรม ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผู้บริหารมหาวิทยาลัยให้สัมภาษณ์สื่อว่าจุฬาฯ ให้อิสระในการแสดงความเห็นทางการเมืองและพร้อมช่วยเหลือ แต่วันนี้เวลา 12.00 น. กลับออกประกาศที่มีทิศทางตรงกันข้าม “นิสิตจุฬาฯ มีเครดิต แต่จะมีประโยชน์อะไรถ้าไม่ใช้ในการขับเคลื่อนสังคม ถ้ายังเคลมว่าเป็นเสาหลัก สิ่งที่ต้องทำคือค้ำจุนประชาธิปไตย ไม่ใช่เสาหักที่ผดุงเผด็จการ” ผู้ปราศรัยกล่าว
โดยระบุว่านิสิตที่ฝ่าฝืนจัดกิจกรรมจะถูกดำเนินการทางวินัย ตนขอขอบคุณคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ที่ออกแถลงการณ์ขอให้มหาวิทยาลัยทบทวน มหาวิทยาลัยควรเป็นสถานที่ปะทะทางความคิด ไม่ใช่ลอยแพนิสิตนักศึกษา
ขณะที่ตัวแทนผู้ใช้แรงงานภาคตะวันออกขึ้นปราศรัย โดยกล่าวว่ารัฐบาลชุดนี้เอื้อนายทุนทุกอย่าง ทั้งที่คนกลุ่มนี้เป็นคนส่วนน้อยของประเทศ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบาย ในขณะที่ประชาชนจำนวนมากยังไม่มีที่ดินของตัวเอง นอกจากนี้ภาครัฐยังบอกประชาชนที่คิดต่างว่าเป็นพวกชังชาติ ผูกขาดความรักชาติไว้ที่กองทัพบก ตนขอถามว่าสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ดีต่อชาติหรืออย่างไร ขอยืนยันว่าตนรักชาติ ไม่อย่างนั้นจะออกมาปราศรัยปกป้องชาติทำไม
ต่อมานิสิตหญิงรายหนึ่งซึ่งเป็นแอดมินเพจ ‘คณะจุฬาฯ’ ขึ้นปราศรัย ในช่วงหนึ่งได้อ่านเนื้อเพลงของ จิตร ภูมิศักดิ์ อดีตนิสิตคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ในเวลาต่อมาคือส่วนหนึ่งของเพลง ‘แสงดาวแห่งศรัทธา’ ซึ่งมีเนื้อหาว่า “ขอเยาะเย้ยทุกข์ยากขวากหนามลำเค็ญ คนยังคงยืนเด่นโดยท้าทาย แม้นผืนฟ้ามืดดับ เดือนลับละลาย ดาวยังพราย ศรัทธาเย้ยฟ้าดิน ดาวยังพราย อยู่จนฟ้ารุ่งราง” จากนั้นในช่วงสุดท้ายมีการปราศรัยถึงกรณีการเรียกร้อง #ไม่รับปริญญา อีกด้วย
กระทั่งเวลา 20.00 น. มีการเล่นดนตรีทิ้งท้ายและประกาศจบกิจกรรม ทั้งนี้มีการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญของโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ iLaw ซึ่งมีผู้สนใจเป็นจำนวนมาก
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์