ซาอุดีอาระเบียและซีเรียตัดสินใจฟื้นการทำงานของคณะผู้แทนทางการทูตในทั้ง 2 ประเทศอีกครั้ง หลังจากที่ระงับไปนานกว่า 1 ทศวรรษ จากการที่ซาอุตัดสัมพันธ์รัฐบาลซีเรีย เพื่อตอบโต้กรณีความโหดร้ายในการจัดการกับสงครามกลางเมือง
ประกาศดังกล่าวมีขึ้น 2 วัน หลังจากที่ซีเรียได้รับการยอมรับให้กลับเข้าเป็นสมาชิกสันนิบาตอาหรับอีกครั้ง แม้จะมีการคัดค้านอย่างต่อเนื่องจากสหรัฐฯ โดยถือเป็นการยุติการโดดเดี่ยวรัฐบาลเผด็จการของซีเรียที่เป็นผู้รับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของพลเรือนกว่า 3 แสนคน และการพลัดถิ่นของประชาชนนับล้านคนเนื่องจากสงครามกลางเมือง
สำนักข่าว SANA ของทางการซีเรีย รายงานแถลงการณ์จากกระทรวงการต่างประเทศซีเรีย ซึ่งระบุว่ารัฐบาลดามัสกัสได้ประกาศตัดสินใจฟื้นการทำงานของคณะทูตในราชอาณาจักรซาอุ พร้อมยืนยันความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศอาหรับ
“จากสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งและความผูกพันที่มีร่วมกันของประชาชนในสาธารณรัฐอาหรับซีเรีย และราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ตลอดจนการยืนยันเจตจำนงของทั้งสองชุมชน และจากความเชื่อของซีเรียที่มีต่อความสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างประเทศอาหรับ เพื่อตอบรับการดำเนินการร่วมกัน สาธารณรัฐอาหรับซีเรียตัดสินใจฟื้นการทำงานของคณะผู้แทนทางการทูตในราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียอีกครั้ง” แถลงการณ์ระบุ
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่าการกลับเข้าสู่สันนิบาตอาหรับอีกครั้งของซีเรีย มาพร้อมกับความหวังว่าจะสามารถปูทางให้ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ได้รับการกอบกู้ชื่อเสียงในเวทีระหว่างประเทศ ซึ่งอาจนำไปสู่การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อรัฐบาลเผด็จการของเขา
อ้างอิง: