ซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นผู้นำของกลุ่ม OPEC+ ประกาศหั่นราคาน้ำมันที่ส่งออกไปยังเอเชียมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ สะท้อนให้เห็นถึงสภาวะตลาดน้ำมันดิบที่อ่อนแอลงในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศนำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก
Saudi Aramco บริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย ประกาศลดราคาขายอย่างเป็นทางการสำหรับน้ำมันดิบ Arab Light ลงเหลือ 1.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจากระดับพรีเมียมในภูมิภาคเดือนกุมภาพันธ์ นับเป็นราคาที่ต่ำสุดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021 และต่ำจากที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
การปรับลดราคานี้สะท้อนให้เห็นถึงภาวะที่อ่อนแอของส่วนต่างราคาน้ำมันดิบจากตะวันออกกลาง เนื่องจากอุปสงค์จากจีนที่ชะลอตัวลงและปริมาณน้ำมันดิบทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น และจากปัจจัยดังกล่าวทำให้ปี 2023 ถือเป็นปีที่ราคาน้ำมันดิบประจำปีเป็นลบครั้งแรกตั้งแต่ปี 2020
อย่างไรก็ตาม ลูกค้าชาวเอเชียอย่างน้อย 3 รายเปิดเผยว่าราคาที่ลดลงไม่น่าจะทำให้พวกเขาต้องการน้ำมันของซาอุดีอาระเบียเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เนื่องจากมีสินค้าที่ถูกกว่าจากคู่แข่งที่ยังคงมีอยู่ในตลาดสปอต ขณะที่ผู้ซื้อชาวจีน 2 รายกล่าวว่าพวกเขาจะไม่ยกระดับการซื้อน้ำมันใดๆ จากซาอุดีอาระเบียในเดือนหน้า
โดยปกติแล้วปริมาณการใช้น้ำมันจะลดลงในช่วงเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม เนื่องจากโรงกลั่นจะใช้ระยะเวลาดังกล่าวในการปิดโรงงานบางแห่งเพื่อบำรุงรักษาตามระยะ ในเวลาเดียวกันอุปทานทั่วโลกที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกา กำลังบีบให้กลุ่ม OPEC+ ซึ่งนำโดยซาอุดีอาระเบียและรัสเซียขยายการลดกำลังการผลิตออกไปอีกในปีนี้
จนถึงขณะนี้ตลาดได้คลายความกังวลต่อสงครามอิสราเอล-ฮามาส และความวุ่นวายในตะวันออกกลาง ขณะที่การโจมตีโดยกลุ่มติดอาวุธฮูตีบนเรือสินค้าที่ทะเลแดงก็ยังไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดหาน้ำมันดิบ
การลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันการสะสมของน้ำมันในคลัง ท่ามกลางความกังวลว่าเศรษฐกิจที่ซบเซาจะกระทบต่ออุปสงค์ทั่วโลก ซาอุดีอาระเบียกำลังรับภาระเป็นส่วนใหญ่ โดยลดปริมาณน้ำมันลงเหลือ 2 ล้านบาร์เรลต่อวันตลอดไตรมาสแรกของปี 2024 และมีความเป็นไปได้ที่จะนานกว่านั้น
อ้างอิง: